อาหารและเครื่องดื่ม

ไขข้อสงสัย ปลาดอลลี่คือปลาอะไร? พร้อมเคล็ดลับโภชนาการ

แรกเริ่มเดิมที หลายคนอาจรู้จัก “ปลาดอลลี่” ในฐานะปลาทะเลเนื้อขาวแสนอร่อย ที่นุ่มลิ้นและนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู แต่ปรากฏว่ามีการเปิดเผยข้อมูลว่า สิ่งที่เราเรียกกันติดปากว่า “ปลาดอลลี่” หารับประทานง่ายและราคาย่อมเยา แท้จริงแล้วหลายครั้งคือปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งที่เพาะเลี้ยงในฟาร์มเวียดนาม ทำให้หลายคนสงสัยกันยกใหญ่ ว่าเรากำลังกินปลาชนิดใดกันแน่ และมีประโยชน์หรือความเสี่ยงทางโภชนาการอย่างไร

ในแวดวงคนรักสุขภาพ หรือคนที่ชอบเมนูเนื้อปลาเพื่อควบคุมน้ำหนัก ก็มีข่าวเกี่ยวกับสารปนเปื้อนในเนื้อปลาดอลลี่นำเข้าบ้าง เพราะมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่รับประทานบ่อย จึงเกิดคำถามมากมายตามมา ทั้งคุณค่าทางโภชนาการ ความปลอดภัย ไปจนถึงวิธีเลือกซื้อให้มั่นใจว่าได้ของดี ไม่เจือปนสารเคมี

บทความนี้จะพาคุณไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ “ปลาดอลลี่” ตั้งแต่ชนิดของปลา สาเหตุความสับสน จนถึงเคล็ดลับการปรุงอาหารอย่างปลอดภัย พร้อมแชร์เมนูอร่อยถูกปากและดีต่อสุขภาพ ถ้าคุณพร้อมแล้ว ลองมาทำความรู้จักปลาเนื้อขาวชนิดนี้ไปพร้อมกัน

ปลาดอลลี่คืออะไร?

ปลาดอลลี่คืออะไร? / เนื้อปลาจอห์น ดอรี่ (John Dory)
เนื้อปลาจอห์น ดอรี่ (John Dory)

“ปลาดอลลี่” เป็นชื่อที่คนไทยเรียกติดปากกันมานาน แต่หากย้อนกลับไปดูรายละเอียด จะพบว่าชื่อเดิมของปลาดอลลี่ตัวจริงนั้นคือ “จอห์น ดอรี่ (John Dory)” ซึ่งเป็นปลาทะเลน้ำลึกที่พบในมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zenopsis conchifera เนื้อของจอห์น ดอรี่ ตัวจริงมักมีสีเหลืองและราคาค่อนข้างสูง เมื่อถูกนำเข้ามาขายในไทยจึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากผู้บริโภคมักชื่นชอบปลาเนื้อขาวนุ่ม และราคาจับต้องได้ง่ายกว่า

ในทางกลับกัน “ปลาดอลลี่” ที่เราพบเห็นได้ดาษดื่นตามท้องตลาด เมื่อนำมาทำสเต๊ก ปลาเผา ผัดพริกไทยดำ หรือเมนูเพื่อสุขภาพอื่น ๆ กลับเป็นปลาสวายขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งอยู่ในวงศ์ Pangasiidae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pangasius hypophthalmus เจ้าปลาสวายขาวนี้ถูกเพาะเลี้ยงอย่างกว้างขวางในเวียดนาม ก่อนจะส่งออกไปยังหลายประเทศ รวมถึงไทยด้วย ด้วยเนื้อสีขาวเกือบชมพูอ่อน ๆ รสสัมผัสนุ่มละมุน จึงทำให้ผู้คนนิยมซื้อไปรับประทานกันเป็นจำนวนมาก

ปลาดอลลี่ตัวจริงต่างจากปลาสวายขาวอย่างไร

ปลาสวายขาว
ปลาสวายขาว
  • สภาพแวดล้อมการเจริญเติบโต: ปลาดอลลี่ตัวจริง (จอห์น ดอรี่) อาศัยอยู่ในทะเลลึก อุณหภูมิและแรงดันสูง ในขณะที่ปลาสวายขาวอยู่ในแม่น้ำหรือน้ำจืด รวมถึงน้ำกร่อย แทบไม่ได้เกี่ยวข้องกับทะเลเลย
  • รูปร่างและเนื้อปลา: ปลาดอลลี่ตัวจริงมีรูปทรงกลม สั้นป้อม และมีเนื้อสีเหลือง ไม่ขาวบริสุทธิ์อย่างที่เข้าใจกัน ส่วนปลาสวายขาวจะมีลำตัวยาวเรียว ผิวสีเงินหรือเทาอ่อน และเมื่อแล่ออกมา เนื้อจะเป็นสีขาว หรือชมพูอ่อน ๆ เมื่อนำไปปรุงอาหารจะไม่คาวมาก
  • ราคา: เมื่อเทียบกันในตลาดโลก จอห์น ดอรี่ ถือตัวเป็นปลาราคาแพง เนื่องจากหายากกว่า ส่วนปลาสวายขาวมีราคาต่ำกว่า เลี้ยงง่าย หาได้มากกว่า ปริมาณผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการของตลาด
  • ความนิยม: ในประเทศไทย ผู้บริโภคมักคุ้นหน้าคุ้นตากับปลาสวายขาวมาช้านาน แต่พอถูกนำเข้าจากเวียดนามในรูปแบบเนื้อขาวสวย และเรียกว่า “ปลาดอลลี่” ก็สร้างความสับสน แถมยังถูกใจคออาหารสุขภาพอีกด้วย เนื่องจากมีไขมันไม่มาก ปรุงง่าย รสชาติอร่อย

สาเหตุที่เกิดการสับสนของชื่อปลาดอลลี่

  1. การตลาดและการตั้งชื่อ: มีการตั้งชื่อสินค้าโดยนำคำว่า “ดอลลี่” มาทับศัพท์ให้ดูหรูหรา คล้ายกับชื่อ “จอห์น ดอรี่” เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค ทำให้ปลาสวายขาวถูกเข้าใจผิดว่าเป็นปลาทะเลนำเข้าราคาแพง
  2. ภาพลักษณ์เนื้อปลา: ผู้ซื้อเห็นว่าเนื้อมีสีขาวน่ารับประทาน คล้ายกับปลาเนื้อขาวชนิดอื่น ๆ จึงมักเข้าใจไปเองว่าคือปลาดอลลี่แท้จากทะเล แต่แท้จริงแล้วเป็นปลาน้ำจืดที่เพาะเลี้ยง
  3. ค่านิยมบริโภคปลาเนื้อขาว: ผู้คนส่วนใหญ่คาดหวังว่า ปลาเนื้อขาวมักจะคาวน้อย ก้างน้อย และให้โปรตีนสูง เมื่อเจอใครเรียกปลาชนิดนี้ว่า “ดอลลี่” จึงเชื่อทันทีว่าคือปลาทะเลคุณภาพดี
  4. รูปทรงของตัวปลา: ปลาสวายขาวชนิดพิเศษจากเวียดนามที่เลี้ยงดูอย่างดีนั้น มีขนาดไม่ใหญ่ เนื้อแน่น และสีสวย เมื่อแล่แล้วดูละม้ายปลาทะเลราคาแพง นำมาขายง่าย กำไรดี

คุณค่าทางโภชนาการของปลาสวายขาว (ปลาดอลลี่ในตลาด)

แม้จะเป็นปลาน้ำจืด แต่มักมีคุณค่าทางโภชนาการที่น่าสนใจ ดังนี้

สารอาหารรายละเอียด
โปรตีนย่อยง่าย มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน
ไขมันไม่มากเกินไป ส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่อิ่มตัว
โอเมก้า 3ช่วยบำรุงสมองและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
วิตามินและแร่ธาตุประกอบด้วยวิตามิน B, D, และแร่ธาตุสำคัญ เช่น ฟอสฟอรัส
แคลอรีปริมาณไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ

ทั้งนี้ โปรตีนจากปลาถือเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง และยังมีไขมันดีที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ดี ผู้ป่วยโรคเรื้อรังบางชนิด หรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ต่างมองว่าปลาสวายขาวเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเรื่องปริมาณและการปรุงก็มีส่วนต่อคุณค่าทางอาหารโดยตรง

ข้อควรระวังในการบริโภคปลาดอลลี่ (ปลาสวายขาว)

  1. สารปนเปื้อน: จากการวิจัยบางส่วนพบว่า อาจมีสารปฏิชีวนะหรือสารเคมีที่ใช้ในการเลี้ยงปลาเจือปนอยู่ หากฟาร์มใดใช้ยาหรือสารเคมีมากเกินมาตรฐาน การรับประทานต่อเนื่องในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพ เช่น ดื้อยาหรือเกิดสารตกค้าง
  2. แหล่งที่มา: ควรตรวจสอบแหล่งที่มา หากเป็นผลิตภัณฑ์ปลาขายแช่แข็ง ควรมองหาสัญลักษณ์รับรองมาตรฐานการผลิต ตรวจสอบฉลากว่าผ่านการตรวจคุณภาพหรือไม่
  3. กระบวนการปรุง: แม้ปลาสวายขาวจะมีไขมันไม่สูงมาก แต่หากนำไปปรุงด้วยวิธีทอดกรอบที่ใช้น้ำมันมาก หรือคลุกเคล้ากับซอสหวานน้ำตาลสูง ก็อาจทำให้เสียคุณค่าทางโภชนาการที่แท้จริงได้ ขอแนะนำให้ใช้วิธีนึ่ง ต้ม ตุ๋น หรือกริลล์แทน
  4. การแพ้อาหาร: แม้พบไม่บ่อย แต่บางคนอาจมีอาการแพ้โปรตีนในปลา การเริ่มรับประทานควรทดสอบปริมาณเล็กน้อยก่อนเสมอ หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดทันที

เคล็ดลับการเลือกซื้อปลาดอลลี่หรือปลาสวายขาว

เนื้อปลาดอลลี่ (ปลาสวายขาว)
เนื้อปลาดอลลี่ (ปลาสวายขาว)
  1. เลือกยี่ห้อหรือผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ: ตรวจดูฉลากให้ชัดเจน บางแบรนด์จะบอกว่าเป็นปลาสวายขาว (Pangasius) อย่างตรงไปตรงมา เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน
  2. สังเกตสภาพเนื้อปลา: เนื้อปลาที่ดีควรมีสีขาวอมชมพูเล็กน้อย ไม่ควรมีสีเหลืองเข้มหรือเทา ๆ กลิ่นไม่เหม็นหรือเปรี้ยวจัด หากซื้อแบบแช่แข็งก็ควรเลือกที่บรรจุภัณฑ์ปิดสนิทและไม่มีน้ำแข็งเกาะจนผิดปกติ
  3. สังเกตวันหมดอายุหรือวันแพ็ก: สำหรับปลานำเข้า จะมีการระบุวันที่ผลิต หรือวันนำเข้า ควรเลือกสินค้าที่วันหมดอายุยังเหลือระยะหนึ่งเพื่อความสดใหม่
  4. ซื้อจากร้านค้าที่ไว้ใจได้: หากเป็นตลาดสด หรือซูเปอร์มาร์เก็ต ควรสังเกตความสะอาดและระบบรักษาอุณหภูมิที่ได้มาตรฐาน การเก็บปลาในอุณหภูมิที่เย็นพอจะช่วยรักษาคุณภาพของเนื้อปลา

เทคนิคการปรุงอาหารเพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการ

  1. การนึ่ง: เป็นวิธีที่นิยมเพราะคงความชุ่มชื้นในเนื้อปลาได้ดี รสชาติหวานตามธรรมชาติ พลังงานไม่สูงนัก สามารถนึ่งพร้อมขิงหรือสมุนไพรอื่น ๆ ได้
  2. การย่างหรือกริลล์: เหมาะสำหรับสายเฮลท์ตี้ ช่วยลดการใช้น้ำมันส่วนเกิน ทำให้เนื้อปลามีกลิ่นหอม รสสัมผัสแน่นขึ้น อาจหมักกับน้ำมะนาวหรือเครื่องปรุงรสนิดหน่อยเพื่อสร้างรสชาติ
  3. การต้ม/ตุ๋น: การใส่ปลาสวายขาวลงในแกงส้ม ต้มยำ หรือต้มโคล้ง ก็เป็นไอเดียที่ลดการใช้น้ำมัน แต่ก็ต้องระวังการใช้เครื่องปรุงที่มีรสเค็มหรือน้ำตาลสูงเกินไป
  4. การผัดโดยใช้น้ำมันน้อย: ถ้าต้องการผัดหรือทอด ควรใช้น้ำมันให้เหมาะสม เลือกใช้น้ำมันคุณภาพดี เช่น น้ำมันรำข้าว หรือสเปรย์น้ำมัน เพื่อควบคุมปริมาณไขมัน

ไอเดียเมนูปลาดอลลี่สุดสร้างสรรค์

  1. สเต๊กปลาดอลลี่ซอสเลมอน: แล่เนื้อปลาให้ได้ชิ้นสวย หมักเกลือ พริกไทยเล็กน้อย กริลล์บนกระทะเทฟลอนจนสุกดี ราดด้วยซอสเลมอนผสมผักชีลาวหรือผักใบเขียวตามใจชอบ เสิร์ฟพร้อมผักย่างหรือสลัด
  2. แกงส้มผักรวมใส่ปลาดอลลี่: ใช้ปลาสดหรือปลาสวายขาวแช่แข็ง แกะเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่ลงในน้ำแกงส้มที่ปรุงด้วยพริกแกงส้ม ผักที่โปรดปราน เช่น ดอกแค ถั่วฝักยาว หรือบวบ เจือรสหวานจากผักตามธรรมชาติ
  3. ปลาดอลลี่ผัดพริกไทยดำ: สไลซ์เนื้อปลาเป็นคำบาง ๆ ผัดกับเครื่องพริกไทยดำ หอมหัวใหญ่ พริกหวาน ปรุงด้วยซอสหอยนางรมเล็กน้อย เพิ่มความกลมกล่อม จัดจานกับข้าวสวยร้อน ๆ
  4. ปลาดอลลี่นึ่งซีอิ๊วใส่ขิง: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือผู้สูงอายุ มีกลิ่นหอมของซีอิ๊วและขิง ทำให้เนื้อนุ่มอร่อย แถมย่อยง่าย
  5. ปลาดอลลี่ทอดกระเทียมแบบไขมันต่ำ: ใช้น้ำมันแต่น้อย ผัดกระเทียมจนเหลืองทอง เอาเนื้อปลาที่หั่นเตรียมไว้ลงทอดกลับไปกลับมา พอเหลืองสวยก็พร้อมเสิร์ฟ ใส่พริกไทยโรยเพิ่มความหอม

ทิ้งท้าย

เมื่อรู้ความจริงแล้วว่า “ปลาดอลลี่” ที่เรามักเรียกกันส่วนใหญ่คือปลาสวายขาว เพาะเลี้ยงในประเทศเวียดนาม สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจ และปรับเปลี่ยนวิธีการเลือกซื้อและปรุงให้เหมาะสม เราจะสามารถรับประทานปลาชนิดนี้ได้อย่างสบายใจ มีโปรตีน ไขมันต่ำ และสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพียงระวังที่มา ตรวจสอบมาตรฐานฟาร์ม รวมถึงวิธีปรุง อาจเลือกเมนูต้ม หรือนึ่งแทนการทอดน้ำมันเยอะ เพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ และยังได้ลิ้มลองรสชาติอันนุ่มละมุนของเนื้อปลาสวายขาวชนิดนี้อย่างเต็มที่

หากคุณคิดว่าเนื้อปลานุ่ม ๆ หอมอร่อยของ “ปลาดอลลี่” คือเมนูโปรดในครัวของคุณ อย่าลืมแชร์ความรู้ให้อีกหลายคนได้รู้จักแง่มุมที่แท้จริงของปลาชนิดนี้ แล้วคุณล่ะ มีเมนูปลาดอลลี่โปรดปรานหรือเคล็ดลับในการเลือกซื้อหรือไม่? แวะมาแลกเปลี่ยนหรือพูดคุยกันดู เพราะการแบ่งปันไอเดียดี ๆ จะทำให้เราได้พัฒนาเมนูใหม่เพื่อสุขภาพ พร้อมสนุกไปกับการปรับเปลี่ยนโภชนาการในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง!

Advertisement

Advertisement

Aroimak

ในฐานะนักวิจารณ์ เชื่อว่าอาหารเป็นงานศิลปะรูปแบบหนึ่ง และมุ่งมั่นที่จะเขียนบทวิจารณ์ที่ทั้งสวยงามและให้ข้อมูลแก่ผู้อ่าน บทวิจารณ์จะครอบคลุมรสชาติ คุณภาพ และราคาของอาหาร รวมถึงบรรยากาศของร้านอาหารและการบริการของพนักงาน เชื่อว่าบทวิจารณ์จะช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจได้อย่างรอบคอบเมื่อเลือกร้านอาหารที่จะไปเยือน

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button