สูตรอาหาร

20 เมนูอาหารว่างไทย พร้อมส่วนผสมและวิธีทำง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้

อาหารว่างไทยเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมอาหารไทยได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อาหารว่างไม่ได้เป็นเพียงแค่ของทานเล่น แต่ยังสะท้อนถึงภูมิปัญญาในการเลือกใช้วัตถุดิบและรสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว

Advertisement

อาหารว่างไทยหลากหลายเมนูมีรสชาติที่ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่ความหวานนุ่มของทองหยิบ ไปจนถึงความกลมกล่อมของเมี่ยงคำ ความโดดเด่นอยู่ที่การใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่สดใหม่ เช่น มะพร้าว น้ำตาลปี๊บ และสมุนไพรต่างๆ ทำให้อาหารว่างแต่ละชนิดมีความพิเศษเฉพาะตัว

บทความนี้ได้รวบรวม 20 เมนูอาหารว่างไทยยอดนิยมที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน พร้อมสูตรและวิธีทำอย่างละเอียด เพื่อให้ทุกคนสามารถสัมผัสรสชาติแบบไทยแท้ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวาน แต่ละเมนูล้วนมีความลงตัวในแบบฉบับอาหารว่างไทยที่แท้จริง

ข้าวตังหน้าตั้ง

ข้าวตังหน้าตั้งถือเป็นอาหารไทยโบราณที่มีเอกลักษณ์ในรสชาติและลักษณะเฉพาะตัว ด้วยความกรอบนุ่มของข้าวตังที่เข้ากันดีกับรสชาติของหน้าตั้งที่หวานมัน อาหารจานนี้ไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับการเสิร์ฟในงานสำคัญหรือโอกาสพิเศษ แต่ยังสามารถทำรับประทานเองที่บ้านได้ไม่ยาก ในบทความนี้ เราจะมาแชร์สูตรต้นตำรับข้าวตังหน้าตั้ง พร้อมขั้นตอนการทำแบบละเอียดที่ทุกคนสามารถทำตามได้

ส่วนผสม

สำหรับข้าวตัง

  • ข้าวสวย 2 ถ้วย
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วย

สำหรับหน้าตั้ง

  • เนื้อหมูบด 200 กรัม
  • กุ้งสับละเอียด 100 กรัม
  • กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  • รากผักชีสับ 1 ช้อนชา
  • หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  • หัวกะทิ 1 ถ้วย
  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • ถั่วลิสงคั่วบด 3 ช้อนโต๊ะ
  • พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเส้น สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ

การทำข้าวตัง

  1. ใช้ข้าวสวยที่เย็นสนิท ปั้นเป็นแผ่นบางๆ ขนาดพอดีคำ วางลงบนถาดที่รองด้วยกระดาษไข
  2. ตากแดดหรืออบในเตาอบไฟอ่อน 50 องศาเซลเซียสจนแห้งสนิท
  3. ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อน นำข้าวตังแห้งลงทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

การทำหน้าตั้ง

  1. ตั้งกระทะ ใส่หัวกะทิลงไป เคี่ยวจนแตกมัน
  2. ใส่กระเทียม รากผักชี และหอมแดงสับ ผัดจนหอม
  3. ใส่หมูบดและกุ้งสับลงผัดจนสุก
  4. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และเกลือ คนให้เข้ากัน
  5. เติมถั่วลิสงคั่วบด คนจนส่วนผสมเหนียวและเข้ากันดี ยกลงจากเตา

การประกอบ

  1. ตักหน้าตั้งใส่บนข้าวตังที่ทอดไว้ ตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าแดง
  2. เสิร์ฟพร้อมผักสด เช่น แตงกวา ใบโหระพา หรือต้นหอม ตามชอบ

การะเวกสอดสี

การะเวกสอดสี ขนมไทยโบราณที่หายากในปัจจุบัน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในรสชาติและรูปลักษณ์ ขนมชนิดนี้เป็นการรวมกันของสีสันจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ใบเตย อัญชัน และน้ำตาลมะพร้าว สร้างความหอมหวานที่ยากจะลืมเลือน วิธีการทำอาจดูซับซ้อน แต่ถ้าลองทำตามสูตรนี้ คุณจะพบว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด

ส่วนผสม

ส่วนแป้งขนม:

  1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
  2. แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
  3. น้ำใบเตยคั้นสด 1/2 ถ้วย
  4. น้ำดอกอัญชันคั้นสด 1/2 ถ้วย
  5. กะทิ 1 ถ้วย
  6. น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ถ้วย
  7. เกลือป่นเล็กน้อย

ส่วนไส้ขนม:

  1. มะพร้าวขูด 1 ถ้วย
  2. น้ำตาลมะพร้าว 1/3 ถ้วย
  3. ใบเตยสำหรับเพิ่มความหอม 2 ใบ

วิธีทำ

1. เตรียมไส้ขนม

  1. ตั้งกระทะบนไฟอ่อน ใส่น้ำตาลมะพร้าวและใบเตยลงไปคนให้ละลายจนหอม
  2. ใส่มะพร้าวขูดลงไป ผัดให้เข้ากันจนแห้ง ยกออกจากเตาและพักไว้ให้เย็น

2. เตรียมแป้ง

  1. ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันในชามผสม ค่อย ๆ เติมกะทิคนจนเข้ากัน
  2. แบ่งแป้งออกเป็น 2 ส่วน ผสมส่วนแรกกับน้ำใบเตย และส่วนที่สองกับน้ำดอกอัญชัน

3. ทำชั้นขนม

  1. ตั้งหม้อนึ่งให้ร้อน ใช้ถาดสำหรับหยอดขนมที่ทาน้ำมันบาง ๆ
  2. หยอดแป้งสีใบเตยลงในถาดเป็นชั้นบาง ๆ นึ่งประมาณ 3 นาที
  3. หยอดแป้งสีน้ำดอกอัญชันทับลงไป นึ่งต่ออีก 3 นาที ทำซ้ำจนหมด

4. ใส่ไส้ขนม

  1. เมื่อแป้งครบทุกชั้นแล้ว ใส่ไส้มะพร้าวที่เตรียมไว้ลงบนชั้นสุดท้าย
  2. ปิดด้วยแป้งอีกชั้น นึ่งต่ออีก 5 นาทีจนสุก

ถุงทอง

@mlpuang

เคล็ดไม่รับตำรับหม่อมหลวงพวงทินกร #ถุงทอง อาหารว่างไทยโบราณ “ถุงทอง” เป็นเมนูที่มีชื่อเป็นมงคล คำว่า ถุงเงิน และถุงทอง เป็นเหมือนการอวยพรให้มีเงินมีทองใช้ตลอดไป การให้อาหารที่เป็นมงคล จะสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ จึงมักนิยมใช้ในงานมงคล✨🤩 วันนี้แอดมินจึงอยากนำ #เคล็ดลับ การทำถุงทองทำอย่างไรให้กรอบอร่อย น่ารับประทาน และไม่อมน้ำมัน มาฝากทุกท่านค่ะ วันสบาย ๆ ที่อากาศดีแบบนี้ อยากชวนมาเข้าครัวเตรียมวัตถุดิบไปพร้อมกันเลยนะคะ 🍳🍅👩🏼‍🍳👨‍🍳✨ 🧂ส่วนผสม หมูคูโรบูตะบด CP 80 กรัม หัวไชเท้าหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ เห็ดหอมหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ก้านขึ้นฉ่ายหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ใบเตยลวกฉีกเป็นเส้นยาว 10 เส้น พริกไทยป่น ¼ ช้อนชา แป้งท้าวยายม่อม 1 ช้อนชา แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะ 10 แผ่น 🧂วิธีทำ 1.นำเนื้อหมู ไชเท้า เห็ดหอมและก้านขึ้นฉ่ายที่หั่นละเอียดแล้วคลุกเข้าด้วยกัน 2.นวดให้เหนียวโดยเติมแป้งท้าวยายม่อม จากนั้นนวดคลุกเคล้าให้เข้ากันจนส่วนผสมจับตัวเป็นก้อน 3.ตักเนื้อหมูที่ปรุงแล้วใส่ลงในแป้งที่รองตรงกลางแผ่นเปาะเปี๊ยะ แล้วห่อให้เป็นถุง รวบให้ชายถุงเท่ากัน ใช้ก้านใบเตยฉีกเล็ก ๆ ผูกมัดปากถุงให้แน่น แล้วจึงนำไปทอด ใช้ไฟปานกลาง พอสุก ตักขึ้นแล้ววางลงบนกระดาษซับน้ำมันอเนกประสงค์ #Maxmo ฮีโร่ประจำโรงเรียน #สารพัดงานเช็ดเก็บซับ ด้วยกระดาษอเนกประสงค์ Maxmo จะช่วยซับน้ำมันได้อย่างดี ทำให้ไม่อมน้ำ และกรอบนานยิ่งขึ้น รับประทานกับอาจาด เสิร์ฟกับน้ำชาก็ได้ . #โรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทยหม่อมหลวงพวง ทินกร และนักเรียนทุกท่าน มั่นใจใช้กระดาษอเนกประสงค์ #Maxmo 🧡สามารถดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ https://www.maxmothailand.com/ . 🍳👨‍🍳 สำหรับท่านที่กำลังสนใจอยากเรียนทำอาหารไทย แต่ไม่มีประสบการณ์ในการทำอาหาร สามารถลงเรียน เพื่อเพิ่มเทนนิค และทักษะ นำไปต่อยอดในสายอาชีพเชฟ หรือนำไปเปิดร้านประกอบธุรกิจด้านอาหารได้นะคะ 😘 ✅ สนใจลงทะเบียนจองคลาสวันนี้ พร้อมรับสิทธิพิเศษอีกมากมาย 💬 สอบถามรายละเอียดตามช่องทางด้านล่างนี้ แอดมินพร้อมให้บริการค่ะ . 💜สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 📲Call: 086-900-9396, 02-002-2814 ✅Line: https://lin.ee/FaKxErs 🌍Website: www.mlpuang.com #หม่อมหลวงพวงทินกร สอนทำอาหาร เรียนทำอาหาร โรงเรียนสอนทำอาหาร โรงเรียนสอนทำอาหารมีใบประกาศ สอนทำอาหารมีใบประกาศ #อาหารไทย #อาหารไทยชาววัง #สูตรอาหารไทยชาววัง ทำงานต่างประเทศ #เปิดร้านอาหารไทย #ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถเรียนได้ #cookingschool #thaicookingclass #thaicooking #mlp #ห้องครัวtiktok

♬ price tag – holls

ถุงทอง เป็นเมนูอาหารว่างแบบไทยที่ได้รับความนิยมจากรูปลักษณ์ที่สวยงามเหมือนถุงทองคำ พร้อมรสชาติกรอบอร่อยและไส้ที่ปรุงรสอย่างลงตัว นิยมเสิร์ฟในงานเลี้ยงหรือทานเล่นในครอบครัว สูตรนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการลองทำอาหารไทยแบบประณีต

ส่วนผสม

ไส้ถุงทอง

  1. เนื้อหมูบด 200 กรัม
  2. แครอทหั่นเต๋าเล็ก 50 กรัม
  3. ข้าวโพดหวาน 50 กรัม
  4. หอมใหญ่สับละเอียด 30 กรัม
  5. กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
  6. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  9. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
  10. น้ำมันพืชเล็กน้อย (สำหรับผัดไส้)

ตัวถุงทอง

  1. แป้งเปาะเปี๊ยะขนาดเล็ก 20 แผ่น
  2. ใบต้นหอม (ลวกให้นิ่มสำหรับมัดถุง)
  3. น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ

  • ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย ผัดกระเทียมจนหอม
  • ใส่หมูบดลงไปผัดจนเริ่มสุก ใส่แครอท ข้าวโพดหวาน และหอมใหญ่ลงไป
  • ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น ผัดจนส่วนผสมเข้ากันและแห้งพอสมควร พักไว้ให้เย็น
  • วางแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะบนพื้นเรียบ ใส่ไส้ประมาณ 1 ช้อนชา ตรงกลาง
  • พับแป้งขึ้นรอบๆ ไส้ให้เป็นรูปถุง ใช้ใบต้นหอมมัดให้แน่น
  • ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชให้ร้อน ใช้ไฟกลาง ทอดถุงทองจนเหลืองกรอบ
  • ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
  • จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มไก่หรือซอสพริกตามชอบ

หรุ่มพุมเรียง

หรุ่มพุมเรียง เป็นอาหารไทยโบราณที่มีความละเอียดอ่อนทั้งในด้านรสชาติและหน้าตา เมนูนี้นิยมใช้ในงานเลี้ยงต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในอดีต ความพิเศษของหรุ่มพุมเรียงคือการห่อเนื้อไส้ที่ปรุงจนได้รสชาติกลมกล่อมด้วยแป้งไข่ที่ทอดเป็นแผ่นบาง ๆ และตกแต่งอย่างสวยงาม

ส่วนผสม

ส่วนผสมไส้

  1. เนื้อไก่บด 200 กรัม
  2. กุ้งสับ 100 กรัม
  3. หอมแดงสับ 3 ช้อนโต๊ะ
  4. กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  5. รากผักชีสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
  7. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  9. น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมแป้งไข่

  1. ไข่ไก่ 4 ฟอง
  2. น้ำมันพืชสำหรับทอด

เครื่องเคียงและตกแต่ง

  1. ใบผักชี
  2. พริกชี้ฟ้าหั่นเส้น

วิธีทำ

การเตรียมไส้

  1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชบนไฟกลาง ใส่หอมแดง กระเทียม และรากผักชีลงไปผัดจนหอม
  2. ใส่เนื้อไก่บดและกุ้งสับลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น ผัดจนส่วนผสมเข้ากันดี ยกลงพักไว้ให้เย็น

การทำแป้งไข่

  1. ตอกไข่ไก่ใส่ชาม ตีให้เข้ากันจนเนียน
  2. ตั้งกระทะบนไฟอ่อน ใช้กระทะแบบไม่ติดเพื่อให้ไข่แผ่นเรียบเนียน ทาน้ำมันบาง ๆ ที่กระทะ
  3. ตักไข่ไก่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ลงในกระทะ กรอกให้ไข่แผ่เป็นแผ่นบาง รอให้สุกแล้วตักออก ทำจนไข่หมด

การห่อหรุ่มพุมเรียง

  1. วางแผ่นไข่บนจาน ตักไส้ที่เตรียมไว้ใส่ตรงกลาง
  2. พับแผ่นไข่ให้เป็นทรงสี่เหลี่ยม ใช้ใบผักชีและเส้นพริกชี้ฟ้าผูกห่อให้สวยงาม

การจัดเสิร์ฟ

  1. จัดหรุ่มพุมเรียงลงจาน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หรือเป็นเมนูอาหารว่างตามต้องการ

ม้าฮ่อ

@heronarongrit

ม้าฮ่อ • Ma Hor “Fresh pineapple/orange morsel topped with minced pork and peanuts“ สามเกลอ 15 กรัม น้ำมันสำหรับผัด 20 กรัม หอมแดงสับ 100 กรัม หมูติดมันสับละเอียด 500 กรัม น้ำตาลมะพร้าว 200 กรัม น้ำปลา 30 กรัม ถั่วลิสงคั่วบด 250 กรัม หอมเจียว 100 กรัม บางตำรับ ก็จะใส่กระเทียมเจียวเพิ่ม ผักชีสำหรับตกแต่ง พริกชี้ฟ้าแดงซอยสำหรับตกแต่ง สับปะรด 1-2 ลูก ส้ม 2-3 ลูก ชมพู่ 1-2 ลูก #ม้าฮ่อ #ม้าฮ่อสูตรโบราณ #มังกรคาบแก้ว #อาหารว่าง #อาหารไทย #ขนมไทย #อาหารไทยโบราณ #โบราณ #คหกรรมอินเตอร์ #ห้องครัวtiktok #TikTokกินเที่ยว #คนไทยรู้ทัน #แจกสูตร #นักชิมอาหาร #thaisnack #snack #snackbreak #thaifood #authentic #thailand #food

♬ เสียงต้นฉบับ – HeroNarongrit – HeroNarongrit

ม้าฮ่อ เป็นของว่างไทยโบราณที่มีเอกลักษณ์ด้วยรสชาติเปรี้ยวหวานที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ใช้ผลไม้สดเป็นฐานรองรับไส้หมูหวานเข้มข้น เมนูนี้ไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังสะท้อนถึงความปราณีตของอาหารไทยที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด

ส่วนผสม

สำหรับไส้

  1. หมูสับ 200 กรัม
  2. ถั่วลิสงคั่วบด 50 กรัม
  3. หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

สำหรับตัวม้าฮ่อ

  1. สับปะรด (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ) 1 ลูก
  2. ส้มโอ (แกะเป็นชิ้นเล็กๆ) 1 ถ้วย
  3. ผักชี สำหรับตกแต่ง
  4. พริกชี้ฟ้าหั่นเส้น สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ

การเตรียมไส้

  1. ผัดไส้: ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช ใช้ไฟกลาง ใส่หอมแดงผัดจนหอม ใส่หมูสับลงไปผัดจนสุก
  2. ปรุงรส: ใส่น้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากันและเคี่ยวจนไส้เหนียว
  3. ใส่ถั่วลิสงบด: ใส่ถั่วลิสงคั่วบดลงไป คนให้เข้ากัน ปิดไฟและพักไว้ให้เย็น

การประกอบม้าฮ่อ

  1. เตรียมผลไม้: หั่นสับปะรดเป็นชิ้นพอดีคำหรือแกะส้มโอเป็นกลีบเล็ก
  2. จัดวาง: วางผลไม้บนจาน และตักไส้หมูหวานวางบนผลไม้
  3. ตกแต่ง: โรยหน้าด้วยผักชีและพริกชี้ฟ้าให้สวยงาม

ค้างคาวเผือก

@wongnaicooking

มาทำเมนูชื่อแปลกกันอีกครั้งกับเมนู #ค้างคาวเผือก เมนูของว่างของไทยโบราณ หน้าตาจะเป็นอย่างไร จะเหมือนค้างคาวตัวจริงไหม มาดูกันได้ที่นี่เลย 🦇💥👇 #ครัวtiktok

♬ Call the Doctor (Instrumental) – Ellen Once Again

ค้างคาวเผือก เป็นเมนูทานเล่นที่มีรสชาติอร่อย หอมมันจากเผือก และกรอบจากแป้งที่ทอดจนเหลืองกรอบ เมนูนี้เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นของว่างในครอบครัว หรือเสิร์ฟในงานเลี้ยง โดยสูตรนี้จะเน้นให้แป้งบางกรอบ และไส้เผือกที่นุ่มหอม ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก

ส่วนผสม

  1. เผือกขูดเส้น 300 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
  3. แป้งมันสำปะหลัง 50 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 50 กรัม
  5. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  6. กะทิ 150 มิลลิลิตร
  7. น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ

  1. เตรียมเผือก: ล้างเผือกให้สะอาด ปอกเปลือก แล้วขูดเป็นเส้นขนาดเล็กๆ พักไว้ในชามผสม
  2. ผสมแป้ง: ในชามผสมขนาดใหญ่ ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้เข้ากัน
  3. ผสมกะทิและเผือก: ค่อยๆ เทกะทิลงในชามแป้ง คนให้เข้ากันจนได้เนื้อแป้งที่เนียน จากนั้นใส่เผือกขูดเส้นลงไป ผสมให้เผือกเคลือบแป้งอย่างทั่วถึง
  4. ตั้งกระทะ: ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชบนไฟกลางจนร้อน
  5. ทอดค้างคาวเผือก: ใช้ช้อนตักส่วนผสมเผือกลงในน้ำมัน ทอดจนด้านนอกเหลืองกรอบและด้านในสุกดี ตักขึ้นพักบนกระดาษซับน้ำมัน
  6. เสิร์ฟ: จัดใส่จานเสิร์ฟ พร้อมซอสหวานหรือน้ำจิ้มตามชอบ

ยำส้มโอ

@whynwhan

ยำส้มโอในเกี๊ยวกระทงทอง เมนูทานเล่นแบบไทยๆ ที่อร่อยครบรส ใส่ในกระทงทองที่ทำง่ายๆจากแผ่นเกี๊ยวสำเร็จรูปค่ะ วิธีทำหวานขึ้นให้ในคลิปแล้วนะคะ และเผื่อใครอยากได้พิกัดเตาแก๊สปิคนิคที่หวานใช้ นี่เลยค่าา 👉🏻 @luckyflame_official หวานใช้เป็นรุ่นมินิ น่ารักใช้งานง่าย น้ำหนักเบา แต่ไฟแรงมาก จิ๋วแต่แจ๋ว ใช้บ่อยมากก🫶🏻💖 . . . ยำส้มโอ #เกี๊ยวกระทงทอง #อาหารไทย #ของว่าง ยำส้มโอกุ้งสด #pomelosalad #thaifood #goldencrispycup

♬ เสียงต้นฉบับ – อินดี้ มิวสิค🎧 – ꧁⊱🌸อิ_น_ดี้ 🌸⊰꧂ヅ

ยำส้มโอ เป็นอาหารไทยที่มีรสชาติกลมกล่อมและจัดจ้านในคราวเดียวกัน ผสมผสานความเปรี้ยวหวานของส้มโอกับน้ำยำสูตรเด็ดที่เต็มไปด้วยสมุนไพรไทย อาหารจานนี้เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้ออาหารธรรมดาในครอบครัวหรือมื้อพิเศษที่ต้องการความประทับใจ

ส่วนผสม

  1. ส้มโอ 1 ลูก (เลือกพันธุ์ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว)
  2. เนื้อกุ้งลวกสุก 200 กรัม
  3. หมูสับรวนสุก 150 กรัม
  4. หอมแดงซอย 4 หัว
  5. พริกขี้หนูซอย 5 เม็ด
  6. ถั่วลิสงคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
  7. มะพร้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  8. ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  9. ผักชีสำหรับตกแต่ง

น้ำยำ

  1. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. เตรียมส้มโอ: แกะส้มโอให้ได้เนื้อขนาดพอดีคำ ระวังอย่าให้เนื้อเละ พักไว้ในชาม
  2. ทำน้ำยำ: ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ และน้ำพริกเผาในชามผสม คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
  3. ผสมวัตถุดิบ: ใส่เนื้อส้มโอ กุ้งลวก หมูสับ หอมแดง และพริกขี้หนูซอยลงในชามน้ำยำ คลุกเคล้าเบาๆ ให้เข้ากัน
  4. เติมความกรุบกรอบ: ใส่ถั่วลิสงคั่วและมะพร้าวคั่ว คนให้เข้ากันอีกครั้ง
  5. จัดเสิร์ฟ: ตักยำส้มโอใส่จาน โรยต้นหอมซอยและตกแต่งด้วยผักชี พร้อมเสิร์ฟ

ข้าวตังหน้าตั้ง

@uptojug

ข้าวตังหน้าตั้ง เมนูอาหารว่างของไทย ทำจากวัตถุดิบง่ายๆที่มีในบ้าน อร่อยเพลินๆ ลองทำตามกันดูนะคะ คครัวแล้วแต่จั๊กททำตามจั๊กขข้าวตังหน้าตั้งหห้องครัวTiktokttiktokพาทำอ#อาหารไทย

♬ original sound – แล้วแต่จั๊ก – แล้วแต่จั๊ก

ข้าวตังหน้าตั้ง เป็นเมนูว่างโบราณของไทยที่นิยมในงานเลี้ยงและโอกาสพิเศษ ด้วยรสชาติที่กลมกล่อม หอมมัน และการจับคู่ที่ลงตัวระหว่างข้าวตังกรอบๆ และหน้าตั้งรสหวานเค็ม เมนูนี้เป็นตัวแทนของความพิถีพิถันในอาหารไทยโบราณที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ส่วนผสม

สำหรับข้าวตัง

  1. ข้าวตังแผ่น (สำเร็จรูป) 8 แผ่น
  2. น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วย

สำหรับหน้าตั้ง

  1. หมูสับ 200 กรัม
  2. กุ้งสับ 100 กรัม
  3. หัวกะทิ 1 ถ้วย
  4. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  7. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  8. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  9. ถั่วลิสงคั่วบด 1/2 ถ้วย
  10. ผักชีสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

ขั้นตอนการทำข้าวตัง

  1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชให้ร้อน ใช้ไฟกลาง
  2. ทอดข้าวตังแผ่นให้เหลืองกรอบ นำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมันบนกระดาษซับมัน

ขั้นตอนการทำหน้าตั้ง

  1. ตั้งกระทะ ใช้ไฟกลาง ใส่หัวกะทิลงไป เคี่ยวจนแตกมัน
  2. ใส่กระเทียมสับและหอมแดงซอย ผัดจนหอม
  3. ใส่หมูสับและกุ้งสับ ผัดจนสุกและส่วนผสมเข้ากันดี
  4. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก คนให้เข้ากัน
  5. ใส่ถั่วลิสงบด เคี่ยวต่อจนซอสข้น ปิดไฟ
  6. ตักหน้าตั้งใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชี

การเสิร์ฟ

  1. จัดข้าวตังทอดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมหน้าตั้งในถ้วยเล็ก
  2. ตักหน้าตั้งใส่บนข้าวตังก่อนรับประทาน เพื่อคงความกรอบของข้าวตัง

เมี่ยงคำ

@wongnai

เมนูอาหารว่างสไตล์ไทย แต่ใคร ๆ ก็กินอร่อย “เมี่ยงคำ” #TikTokuni #นักชิมอาหาร #สูตรอาหาร ทำอาหาร #ทําอาหารง่ายๆ

♬ เสียงต้นฉบับ – Wongnai – Wongnai

เมี่ยงคำ เป็นอาหารว่างแบบไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการรวมรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ดไว้ในคำเดียว เมนูนี้ได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในครัวเรือน และความสนุกสนานในการจัดวางส่วนผสมลงบนใบชะพลู

ส่วนผสม

ส่วนผสมหลัก

  1. ใบชะพลู 20 ใบ (หรือใบคะน้า)
  2. มะพร้าวขูด ½ ถ้วย (คั่วให้หอม)
  3. ถั่วลิสงคั่ว ½ ถ้วย
  4. ขิงสดหั่นเต๋า ¼ ถ้วย
  5. หอมแดงหั่นเต๋า ¼ ถ้วย
  6. มะนาวหั่นเต๋า (รวมเปลือก) ¼ ถ้วย
  7. พริกขี้หนูซอย (ตามชอบ)

ส่วนผสมน้ำเมี่ยง

  1. น้ำตาลปี๊บ ½ ถ้วย
  2. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  4. ข่าหั่นแว่น 2 ชิ้น
  5. ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  6. กะปิ 1 ช้อนชา
  7. น้ำเปล่า ½ ถ้วย

วิธีทำ

การเตรียมส่วนผสม

  • ตั้งหม้อไฟอ่อน ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำเปล่า
  • คนให้ส่วนผสมละลาย ใส่กะปิ ข่า และตะไคร้ เคี่ยวจนข้นเล็กน้อย ปิดไฟและกรองน้ำเมี่ยง พักไว้ให้เย็น
  • คั่วมะพร้าวขูดจนเหลืองหอม
  • เตรียมถั่วลิสงคั่ว ขิง หอมแดง มะนาว และพริกขี้หนูใส่ถ้วยแยก
  • ล้างใบชะพลูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง วางบนจานพร้อมเสิร์ฟ

การจัดเมี่ยงคำ

  1. วางใบชะพลูบนฝ่ามือ เติมส่วนผสม เช่น มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง ขิง หอมแดง มะนาว และพริกขี้หนูลงไป
  2. ราดน้ำเมี่ยงที่เตรียมไว้ประมาณ 1 ช้อนชา
  3. ห่อใบชะพลูเป็นคำเล็กๆ พร้อมรับประทาน

กุ้งโสร่ง

กุ้งโสร่ง เป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการนำกุ้งสดมาพันด้วยเส้นหมี่ซั่วหรือเส้นหมี่เหลือง แล้วนำไปทอดจนกรอบ รสชาติกรอบนอกนุ่มใน อร่อยลงตัว เมนูนี้มักถูกเสิร์ฟในงานสำคัญและได้รับความนิยมจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

ส่วนผสม

  1. กุ้งสด 12 ตัว (ขนาดกลางถึงใหญ่)
  2. เส้นหมี่ซั่วหรือหมี่เหลือง 200 กรัม
  3. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับคลุกกุ้ง)
  4. น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
  5. น้ำปลา 1 ช้อนชา
  6. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. เตรียมกุ้ง: ล้างกุ้งให้สะอาด ปอกเปลือก เหลือหางไว้ และผ่าหลังเพื่อเอาเส้นดำออก จากนั้นหมักด้วยน้ำปลาและพริกไทยป่น ทิ้งไว้ 10 นาที
  2. เตรียมเส้นหมี่: แช่เส้นหมี่ในน้ำให้นุ่ม แล้วสะเด็ดน้ำพักไว้
  3. พันกุ้ง: โรยแป้งสาลีบางๆ บนตัวกุ้งเพื่อช่วยให้เส้นหมี่ติดแน่น จากนั้นพันเส้นหมี่รอบตัวกุ้งให้แน่นพอเหมาะ
  4. ทอดกุ้ง: ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชให้ร้อน ใช้ไฟปานกลาง นำกุ้งพันเส้นหมี่ลงทอดจนเหลืองกรอบ ใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที แล้วตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
  5. จัดเสิร์ฟ: วางกุ้งโสร่งบนจานเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยผักสดหรือใบมะกรูดทอดตามชอบ

หมูโสร่ง

@khruahuakhai

หมูโสร่งของว่างโบราณ ทานคู่กับน้ำจิ้มอาจาด อร่อยมาก 👉น้ำอาจาดวันนี้เราใช้น้ำปรุงรสสำหรับราดผักตราสุขุม อร่อยกลมกล่อมมาก สะดวกที่สุด 📍หาซื้อได้ที่ Big-C, Lotus, Tops, The Mall, Maxvalu 📝อัตราส่วน – หมูสับ 300 กรัม – สามเกลือ (รากผักชี, กระเทียม, พริกไทย) 1 ช้อนโต๊ะ – ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ – ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ – น้ำตาล 1/2 ช้อนชา – เส้นหมี่ซั่ว 200 กรัม ——————————– – แตงกวา – หอมแดง – พริก – น้ำปรุงรสสำหรับราดผักตราสุขุม 🥣วิธีทำ 1. หมักหมูสับด้วยสามเกลอ/ซีอิ๊วขาว /ซอสหอยนางรม/น้ำตาล ประมาณ 30 นาที 2. ทำน้ำอาจาด ใส่แตงกวาซอย/หอมซอย/พริกซอย แล้วเติมน้ำปรุงรสสำหรับราดผักตราสุขุมลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน 3. แช่เส้นหมี่ซั่วให้นิ่ม แล้วจับมาประมาณ 4-5 เส้น นำมาม้วนพันกับหมูไปมา เมื่อสุดปลายเส้นให้ตัดออก แล้วใช้ไม้ยัดเก็บปลาย 4. ลงทอดในน้ำมันร้อนไฟกลาง จนหมูสุกดี เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มอาจาด #ห้องครัวtiktok #TikTokUni #homecooking #เทรนด์วันนี้ #เมนูง่ายๆ #ครัวหัวไข่ #แจกสูตร น้ำปรุงรสสำหรับราดผักตราสุขุม น้ำสลัด น้ำอาจาด #หมูโสร่ง #หมูทอด

♬ เสียงต้นฉบับ – ครัวหัวไข่🍳 – ครัวหัวไข่🍳

หมูโสร่ง เป็นเมนูไทยโบราณที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งในด้านหน้าตาและรสชาติ เป็นอาหารที่เคยปรากฏในตำรับ “กาพย์เห่เรือ” สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยใช้หมูปรุงรสห่อด้วยเส้นหมี่ซั่ว ทอดจนกรอบเหลือง หอมอร่อย

ส่วนผสม

  1. หมูบด 300 กรัม
  2. รากผักชี 2 ราก (โขลกละเอียด)
  3. กระเทียม 4 กลีบ (โขลกละเอียด)
  4. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  5. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  7. เส้นหมี่ซั่ว 100 กรัม (แช่น้ำให้นิ่มและซับน้ำให้แห้ง)
  8. น้ำมันพืช (สำหรับทอด)

วิธีทำ

  • นำหมูบดใส่ชามผสม เติมรากผักชี กระเทียม พริกไทย น้ำปลา และน้ำตาลทราย
  • คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันดี จากนั้นหมักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีในตู้เย็น
  • นำเส้นหมี่ที่แช่น้ำไว้มาซับให้แห้ง แบ่งเป็นเส้นยาวพอเหมาะสำหรับห่อหมู
  • ปั้นหมูหมักเป็นก้อนขนาดพอดีคำ จากนั้นใช้เส้นหมี่พันรอบๆ ก้อนหมูให้ทั่วจนคล้ายลูกบอล
  • ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช เปิดไฟกลางจนร้อน นำหมูโสร่งลงทอด
  • ทอดจนเส้นหมี่กรอบและมีสีเหลืองทอง จากนั้นตักขึ้นพักบนกระดาษซับน้ำมัน
  • เสิร์ฟหมูโสร่งพร้อมน้ำจิ้มไก่หรือน้ำจิ้มแจ่วตามชอบ

ช่อม่วงไส้ปลาช่อนนา

ส่วนผสม

ส่วนผสมแป้งช่อม่วง:

  1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
  2. แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำดอกอัญชัน 1/2 ถ้วย (สำหรับสีม่วง)
  4. น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
  5. น้ำมันพืช 1 ช้อนชา

ส่วนผสมไส้ปลาช่อนนา:

  1. เนื้อปลาช่อนนานึ่ง 150 กรัม
  2. รากผักชี 2 ราก (สับละเอียด)
  3. กระเทียม 3 กลีบ (สับละเอียด)
  4. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา (บดละเอียด)
  5. หอมแดง 2 หัว (สับละเอียด)
  6. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
  7. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

สำหรับตกแต่ง:

  • ผักชีและพริกแดงหั่นฝอย

วิธีทำ

ขั้นตอนการเตรียมไส้ปลาช่อนนา:

  1. ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง ใส่น้ำมันพืช รอจนร้อนแล้วใส่รากผักชี กระเทียม และพริกไทยลงไปผัดจนหอม
  2. ใส่เนื้อปลาช่อนที่นึ่งแล้วลงไปผัดให้เข้ากัน เติมน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา ผัดจนส่วนผสมเข้ากันดีและแห้งเล็กน้อย พักไว้ให้เย็น

ขั้นตอนการทำแป้งช่อม่วง:

  1. ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันเข้าด้วยกันในชามผสม ค่อยๆ เติมน้ำดอกอัญชันและน้ำเปล่า คนให้เข้ากันจนเนียน
  2. ตั้งกระทะใช้ไฟอ่อน เทส่วนผสมแป้งลงไป กวนจนแป้งสุกและไม่ติดกระทะ จากนั้นเติมน้ำมันพืช กวนต่ออีกเล็กน้อย พักแป้งไว้จนเย็น

ขั้นตอนการปั้นและแต่งช่อม่วง:

  1. แบ่งแป้งเป็นก้อนเล็กๆ ปั้นเป็นแผ่นบางๆ ใส่ไส้ปลาช่อนที่เตรียมไว้ตรงกลาง แล้วห่อให้มิด
  2. ใช้แหนบหรือตะเกียบแต่งลายให้เป็นช่อดอกไม้ วางในซึ้งที่รองด้วยใบตอง
  3. นำไปนึ่งด้วยไฟกลางประมาณ 10 นาที จนแป้งสุกใส

ขั้นตอนการจัดเสิร์ฟ:

  1. วางช่อม่วงที่นึ่งสุกแล้วลงจาน ตกแต่งด้วยผักชีและพริกแดงหั่นฝอย
  2. เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม เช่น น้ำจิ้มซีฟู้ดหรือน้ำจิ้มถั่วตามชอบ

หมี่กรอบโบราณ

หมี่กรอบโบราณ เป็นเมนูอาหารไทยที่มีความโดดเด่นในเรื่องรสชาติเปรี้ยวหวานที่ลงตัว ผสานกับความกรอบของเส้นหมี่ที่ทอดจนกรอบพอดี นับเป็นเมนูที่อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างยาวนาน เหมาะสำหรับเป็นของว่างหรืออาหารจานหลักในมื้อพิเศษ

ส่วนผสม

ส่วนผสมสำหรับเส้นหมี่:

  1. เส้นหมี่ขาว (อบแห้ง) 150 กรัม
  2. น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วย

ส่วนผสมสำหรับซอสหมี่กรอบ:

  1. น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  5. หอมแดงซอย 2 หัว
  6. กระเทียมสับ 3 กลีบ
  7. พริกแห้งทอด 3-4 เม็ด
  8. เต้าหู้แข็งหั่นเต๋าเล็ก 100 กรัม
  9. กุ้งสดปอกเปลือก 150 กรัม

เครื่องเคียง:

  1. ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ใบ
  2. ผักชีสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

  • ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใช้ไฟกลาง จากนั้นนำเส้นหมี่ขาวลงทอดทีละน้อยจนฟูกรอบ
  • ตักเส้นหมี่ที่ทอดแล้วขึ้นพักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน
  • ตั้งกระทะใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำมะนาว คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี
  • ใส่หอมแดงซอยและกระเทียมสับลงไปผัดจนหอม
  • ใส่เต้าหู้แข็งลงไปในกระทะ ผัดให้เข้ากับซอส
  • ตามด้วยกุ้งสด ผัดจนกุ้งสุก
  • ใส่เส้นหมี่ที่ทอดแล้วลงในกระทะ ค่อยๆ คลุกเคล้าให้เส้นหมี่เคลือบซอสทั่วถึง
  • เติมพริกแห้งทอดและใบมะกรูดหั่นฝอย ผสมให้เข้ากัน
  • ตักหมี่กรอบใส่จาน โรยผักชีและจัดเครื่องเคียงตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ

แตงโมปลาแห้ง

แตงโมปลาแห้ง เป็นเมนูอาหารว่างไทยโบราณที่มีความสดชื่น เหมาะสำหรับหน้าร้อนที่ต้องการของว่างหวานเย็นช่วยคลายร้อน รสชาติของแตงโมหวานฉ่ำเมื่อทานคู่กับปลาแห้งที่มีรสเค็มมันกลมกล่อม สร้างประสบการณ์การกินที่แตกต่างและอร่อยอย่างลงตัว

ส่วนผสม

  1. แตงโม 1 ลูก (ขนาดกลาง)
  2. เนื้อปลาแห้ง 50 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  4. หอมแดงเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ใบมะกรูดซอย (สำหรับตกแต่ง)

วิธีทำ

  • ล้างแตงโมให้สะอาด ผ่าครึ่งและตัดเนื้อแตงโมออกเป็นชิ้นพอดีคำ จัดเรียงในจานเสิร์ฟ
  • ตั้งกระทะบนไฟอ่อน นำปลาแห้งลงคั่วจนกรอบ หมั่นคนเพื่อไม่ให้ไหม้ จากนั้นนำปลาแห้งมาป่นให้ละเอียด
  • ในชามผสม ผสมปลาแห้งป่นกับน้ำตาลทราย คลุกเคล้าให้เข้ากันดี
  • โรยส่วนผสมปลาแห้งลงบนแตงโมที่เตรียมไว้ ตามด้วยหอมแดงเจียว และตกแต่งด้วยใบมะกรูดซอย
  • เสิร์ฟแตงโมปลาแห้งทันที เพื่อความสดชื่นและรสชาติที่ดีที่สุด

ข้าวโพดทอด

ข้าวโพดทอด เป็นเมนูทานเล่นยอดนิยมที่กรอบอร่อยและหอมมัน เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้อว่างในวันสบายๆ หรือเป็นอาหารว่างในงานปาร์ตี้ ด้วยวัตถุดิบหลักคือข้าวโพดหวานและแป้งทอดกรอบ สูตรนี้จะช่วยให้คุณทำข้าวโพดทอดได้กรอบนอกนุ่มใน และไม่อมน้ำมัน

ส่วนผสม

  1. ข้าวโพดหวาน (แกะเมล็ด) 2 ถ้วย
  2. แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
  3. น้ำเย็นจัด 1/2 ถ้วย
  4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  5. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  6. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  7. น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ

  1. เตรียมส่วนผสมแป้ง: ผสมแป้งทอดกรอบ น้ำตาลทราย เกลือ และผงฟูในชามผสม ใส่น้ำเย็นจัดทีละน้อย คนให้ส่วนผสมเข้ากันจนได้แป้งเนื้อเนียน
  2. ใส่ข้าวโพด: ใส่ข้าวโพดหวานที่แกะเมล็ดลงในแป้งที่เตรียมไว้ คนให้ข้าวโพดเคลือบแป้งอย่างทั่วถึง
  3. ตั้งกระทะ: ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลาง รอจนน้ำมันร้อน (ทดสอบด้วยการหยดแป้งลงไป หากแป้งลอยขึ้นและมีฟองเล็กๆ แสดงว่าน้ำมันร้อนได้ที่)
  4. ทอดข้าวโพด: ตักข้าวโพดที่คลุกแป้งเป็นช้อนเล็กๆ แล้วค่อยๆ หย่อนลงในกระทะ ทอดจนข้าวโพดมีสีเหลืองทอง
  5. พักให้สะเด็ดน้ำมัน: ตักข้าวโพดทอดขึ้นจากน้ำมัน พักบนกระดาษซับน้ำมันเพื่อซับน้ำมันส่วนเกิน
  6. เสิร์ฟ: จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟทันที

ล่าเตียง

ล่าเตียง เป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ความโดดเด่นของเมนูนี้คือการห่อไส้ด้วยแผ่นไข่ที่ถักทอลวดลายอย่างประณีต และมีรสชาติที่กลมกล่อมจากส่วนผสมที่คัดสรรอย่างลงตัว

ส่วนผสม

ไส้ล่าเตียง

  1. หมูสับ 100 กรัม
  2. กุ้งสับ 100 กรัม
  3. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. หอมแดงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  7. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  8. ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ

แป้งไข่

  1. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  2. น้ำมันพืช (สำหรับทากระทะ)

เครื่องเคียง

  1. ผักชี
  2. พริกชี้ฟ้าแดง (สำหรับตกแต่ง)

วิธีทำ

การเตรียมไส้

  1. ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันเล็กน้อย แล้วผัดกระเทียมและหอมแดงจนหอม
  2. ใส่หมูสับและกุ้งสับลงไปผัดให้สุก
  3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และพริกไทย ผัดให้เข้ากันจนส่วนผสมเริ่มแห้ง
  4. ตักขึ้นและพักไว้ให้เย็น จากนั้นผสมผักชีซอยลงในไส้

การทำแป้งไข่

  1. ตีไข่ไก่ให้เข้ากัน กรองผ่านกระชอนเพื่อให้เนื้อไข่เนียน
  2. ตั้งกระทะแบนบนไฟอ่อน ทาน้ำมันบางๆ ด้วยพู่กัน
  3. ใช้ช้อนตักไข่หยดลงบนกระทะเป็นเส้นตัดสลับกันจนเป็นลายตาราง
  4. รอให้ไข่สุกดีแล้วค่อยๆ ลอกออกจากกระทะอย่างระมัดระวัง

การประกอบล่าเตียง

  1. ตัดแป้งไข่เป็นสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 10×10 เซนติเมตร
  2. วางไส้ที่เตรียมไว้ตรงกลางแผ่นไข่ พับขอบทั้งสี่ด้านให้ห่อไส้พอดี
  3. จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยผักชีและพริกชี้ฟ้าแดง

ขนมจีบนกไส้ไก่

ขนมจีบนกไส้ไก่ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทั้งอร่อยและน่ารักไปพร้อมๆ กัน รูปลักษณ์ที่เหมือนนกตัวเล็กๆ ทำให้เมนูนี้เหมาะสำหรับงานเลี้ยงและเพิ่มสีสันให้โต๊ะอาหารได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ขนมจีบนกยังสามารถดัดแปลงไส้ได้ตามชอบ แต่สำหรับสูตรนี้เราจะใช้ไก่เป็นวัตถุดิบหลักเพื่อความอร่อยที่กลมกล่อม

ส่วนผสม

สำหรับแป้ง

  1. แป้งเกี๊ยว 1 ห่อ (ขนาดเล็ก)
  2. น้ำเปล่า (สำหรับติดแป้ง)

สำหรับไส้

  1. เนื้อไก่บด 300 กรัม
  2. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  3. รากผักชีสับ 1 ช้อนชา
  4. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
  5. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
  6. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
  7. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  8. แครอทสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

สำหรับตกแต่ง

  1. แครอท (หั่นเป็นสามเหลี่ยมเล็กสำหรับทำปากนก)
  2. งาดำ (สำหรับทำตานก)

วิธีทำ

  • ผสมเนื้อไก่บด กระเทียม รากผักชี พริกไทยป่น ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา น้ำตาลทราย และแครอทสับละเอียดในชามผสม
  • คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนเนียน พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 10 นาที
  • นำแป้งเกี๊ยวมาวางบนพื้นผิวเรียบ ใช้น้ำเปล่าแตะขอบแป้งเล็กน้อยเพื่อช่วยติดแป้งเวลาใช้งาน
  • วางไส้ไก่ประมาณ 1 ช้อนชาไว้กลางแป้งเกี๊ยว
  • ห่อแป้งให้เป็นทรงจีบด้านบน จากนั้นบีบปลายแป้งให้ยาวออกเป็นรูปร่างคล้ายนก
  • ตกแต่งด้วยแครอทสำหรับทำปากและงาดำสำหรับทำตา
  • เตรียมซึ้งนึ่ง โดยใส่น้ำลงในหม้อนึ่งและตั้งไฟจนเดือด
  • วางขนมจีบลงในซึ้งที่รองด้วยใบตองหรือกระดาษไข เพื่อไม่ให้ติด
  • นึ่งด้วยไฟกลางประมาณ 15-20 นาทีจนขนมจีบสุก
  • ยกขนมจีบออกจากซึ้ง จัดใส่จานเสิร์ฟ พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดหรือซอสเปรี้ยวหวาน

ช่อผกากรอง

@kritnoppawit

ทำสองชั่วโมงตัดมาเหลือ50วิ😂 ส่วนผสมแป้ง -แป้งเค้ก200กรัม -กะทิ 300 กรัม -น้ำตาลทราย100กรัม ส่วนผสมไส้ -ถั่วเขียวเลาะเปลือกนึ่งสุก 300กรัม -กะทิ 400 กรัม -น่ำตาลทราย 150 กรัม #ห้องครัวtiktok #ห้องครัวติ๊กต๊อก #cooking #kritnoppawit ทำอาหาร #tiktokfood #homecooking #ช่อผกากรอง #ขนมไทย

♬ Muen Kei – Boyd Kosiyabong

ช่อผกากรอง เป็นอาหารไทยโบราณที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดอกไม้ที่มีสีสันสดใส นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังมีรสชาติที่กลมกล่อมลงตัว สูตรนี้เหมาะสำหรับการทำในโอกาสพิเศษ เช่น งานเลี้ยง งานเทศกาล หรือมื้ออาหารที่ต้องการความสร้างสรรค์

ส่วนผสม

ส่วนผสมสำหรับตัวช่อ

  1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
  2. แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำกะทิ 1 ถ้วย
  4. น้ำมะพร้าวอ่อน 1/4 ถ้วย
  5. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  6. สีผสมอาหาร (สีธรรมชาติ เช่น ดอกอัญชัน หรือขมิ้น)

ส่วนผสมสำหรับไส้

  1. เนื้อหมูสับ 200 กรัม
  2. รากผักชี 2 ราก (โขลกละเอียด)
  3. กระเทียม 3 กลีบ (โขลกละเอียด)
  4. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  5. หอมใหญ่สับ 1/4 ถ้วย
  6. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

การทำไส้

  1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช เปิดไฟกลาง ใส่กระเทียม รากผักชี และพริกไทยที่โขลกลงไปผัดจนหอม
  2. ใส่เนื้อหมูสับลงไปผัดจนสุก จากนั้นใส่หอมใหญ่สับ ผัดต่อจนเนื้อนุ่ม
  3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ ผัดต่อจนเครื่องปรุงเข้ากันดี ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น

การทำตัวช่อ

  1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง น้ำกะทิ น้ำมะพร้าวอ่อน และเกลือเข้าด้วยกันในชาม คนจนเนื้อแป้งเนียน
  2. แบ่งแป้งออกเป็นส่วนๆ แล้วเติมสีผสมอาหารตามต้องการ เช่น สีม่วงจากดอกอัญชัน หรือสีเหลืองจากขมิ้น
  3. ตั้งกระทะร้อน ใช้ไฟอ่อน หยอดแป้งลงในกระทะให้เป็นแผ่นบาง ทิ้งไว้จนแป้งสุก ตักขึ้นพัก

การประกอบช่อ

  1. ตัดแป้งเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก
  2. ใส่ไส้ที่เตรียมไว้ตรงกลางแป้ง พับเป็นทรงดอกไม้
  3. ตกแต่งด้วยใบไม้เล็กๆ หรือพริกชี้ฟ้าหั่นฝอยเพื่อความสวยงาม

เมี่ยงกลีบบัว

@heritagegroupth

ส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์ด้วยเมนูไทยๆ “เมี่ยงกลีบบัว” หน้าตาสวยงามรสชาติอร่อย จดสูตรแล้วไปทำตามกันได้เลย #HeritageGroupThailand #HealthyFoodHappyLife #เมนูเพื่อสุขภาพ #ถั่วพรีเมี่ยม #มะม่วงหิมะพานต์

♬ original sound – Heritage Group TH – HeritageGroupTH

เมี่ยงกลีบบัว เป็นเมนูอาหารไทยที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ โดยเฉพาะกลีบบัวสดที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและรสชาติให้กับจานอาหาร เมี่ยงกลีบบัวเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับการทานเล่นหรือเป็นอาหารว่างในโอกาสพิเศษ ด้วยรสชาติที่หลากหลายจากสมุนไพรและน้ำจิ้ม ทำให้เมนูนี้โดดเด่นและน่าลิ้มลอง

ส่วนผสม

ส่วนผสมสำหรับเมี่ยง

  1. กลีบบัวสด 40 กลีบ (ประมาณ 10 ดอก)
  2. ขิงสดหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
  3. หอมแดงหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
  4. มะนาวหั่นเต๋า (ทั้งเปลือก) 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  6. มะพร้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  7. พริกขี้หนูหั่น 1 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามชอบ)

ส่วนผสมน้ำจิ้มเมี่ยง

  1. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  4. กะปิ 1 ช้อนชา
  5. พริกขี้หนูตำ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

ขั้นตอนการเตรียมเมี่ยง

  1. เตรียมกลีบบัว: ล้างกลีบบัวให้สะอาดและพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ คัดเฉพาะกลีบที่สวยงามและไม่ช้ำ
  2. เตรียมส่วนผสม: หั่นขิง หอมแดง มะนาว และพริกขี้หนูเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้สะดวกต่อการห่อในกลีบบัว
  3. คั่วมะพร้าวและถั่วลิสง: คั่วมะพร้าวและถั่วลิสงจนหอม แล้วพักไว้

ขั้นตอนการทำน้ำจิ้ม

  1. ในหม้อขนาดเล็ก ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก ตั้งไฟอ่อนคนจนส่วนผสมละลาย
  2. ใส่กะปิและพริกขี้หนูตำ คนให้เข้ากัน เคี่ยวต่อจนได้น้ำจิ้มที่มีความข้นเล็กน้อย
  3. ปิดไฟและพักให้เย็น

ขั้นตอนการประกอบเมี่ยง

  1. วางกลีบบัวบนจานหรือภาชนะที่เตรียมไว้
  2. ใส่ส่วนผสม เช่น ขิงหั่นเต๋า มะนาวหั่นเต๋า หอมแดง ถั่วลิสงคั่ว และมะพร้าวคั่ว ลงในกลีบบัว
  3. ราดน้ำจิ้มที่เตรียมไว้ลงบนกลีบบัว
  4. เสิร์ฟพร้อมกันในถาดหรือจานสวยงาม

แสร้งว่ากุ้ง

@kitchenaid_thailand

เดือนนี้เรามีเมนูพิเศษมาให้ทุกคนลองชิมกับเมนูจัดจ้านเผ็ดร้อนกับความเป็นไทย นั่นคือ “แสร้งว่ากุ้ง” อาหารชาววังที่ได้รับการดัดแปลงมาจากอาหารทางภาคใต้ค่ะ จะมีส่วนผสมอย่างไรบ้างลองมาดูกัน และตัวช่วยที่ดีของเราคือ ชุดอุปกรณ์เครื่องครัวของ KitchenAid สั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line : @Kitchenaidth #KitchenAidThailand #KitchenInLove #ครัวนี้ที่เราหลงรัก

♬ original sound – Kitchenaid_Thailand – Kitchenaid_Thailand

แสร้งว่ากุ้ง เป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ด้วยรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ดในจานเดียว ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่การใช้สมุนไพรไทย เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด และหอมแดง ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความหอมแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย

ส่วนผสม

  1. กุ้งสด 300 กรัม (ปอกเปลือกและผ่าหลัง)
  2. ตะไคร้ 3 ต้น (ซอยบางๆ)
  3. ใบมะกรูด 5 ใบ (ฉีกเป็นชิ้นเล็ก)
  4. หอมแดง 5 หัว (ซอยบางๆ)
  5. พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด (สับหยาบ)
  6. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
  9. ข่าอ่อน 2 แง่ง (ซอยบางๆ)
  10. ผักชี 1 ต้น (สำหรับโรยหน้า)

วิธีทำ

  1. เตรียมกุ้ง: ล้างกุ้งให้สะอาด ต้มน้ำให้เดือดแล้วลวกกุ้งจนสุก ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ตักขึ้นและพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. ผสมเครื่องสมุนไพร: ในชามผสม ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง ข่า และพริกขี้หนู ผสมให้เข้ากัน
  3. ปรุงรส: เติมน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บลงไปในชาม คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากันจนได้รสชาติที่กลมกล่อม
  4. เพิ่มกุ้ง: ใส่กุ้งที่ลวกไว้ลงไปในชาม คลุกเบาๆ เพื่อไม่ให้กุ้งช้ำและให้เครื่องสมุนไพรซึมเข้าเนื้อกุ้ง
  5. จัดเสิร์ฟ: ตักแสร้งว่ากุ้งใส่จาน โรยหน้าด้วยผักชี เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยหรือเป็นออเดิร์ฟ

อาหารว่างไทยไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่สร้างความอิ่มอร่อย แต่ยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่บอกเล่าเรื่องราวของวิถีชีวิตและภูมิปัญญาไทยอย่างแท้จริง ทุกเมนูล้วนแฝงไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่คนรุ่นก่อนส่งต่อมายังคนรุ่นหลัง

การลองทำอาหารว่างไทยด้วยตัวเองไม่เพียงแค่ได้รสชาติอร่อย แต่ยังเป็นการเรียนรู้วิธีการทำอาหารที่ละเอียดละเมียดละไม การผสมผสานวัตถุดิบ การปรุงรส และการจัดแต่งให้สวยงาม เป็นเสน่ห์ที่ไม่มีอาหารชาติใดเหมือน

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณได้แรงบันดาลใจในการลองทำอาหารว่างไทยที่บ้าน และนำเมนูโปรดของคุณมาสร้างความทรงจำใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นสำหรับครอบครัว หรือเพื่อมอบความสุขให้กับคนรอบข้าง

Advertisement

Advertisement

Aroimak

ในฐานะนักวิจารณ์ เชื่อว่าอาหารเป็นงานศิลปะรูปแบบหนึ่ง และมุ่งมั่นที่จะเขียนบทวิจารณ์ที่ทั้งสวยงามและให้ข้อมูลแก่ผู้อ่าน บทวิจารณ์จะครอบคลุมรสชาติ คุณภาพ และราคาของอาหาร รวมถึงบรรยากาศของร้านอาหารและการบริการของพนักงาน เชื่อว่าบทวิจารณ์จะช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจได้อย่างรอบคอบเมื่อเลือกร้านอาหารที่จะไปเยือน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button