20 เมนูอาหารว่างไทย พร้อมส่วนผสมและวิธีทำง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้
อาหารว่างไทยเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมอาหารไทยได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อาหารว่างไม่ได้เป็นเพียงแค่ของทานเล่น แต่ยังสะท้อนถึงภูมิปัญญาในการเลือกใช้วัตถุดิบและรสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว
อาหารว่างไทยหลากหลายเมนูมีรสชาติที่ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่ความหวานนุ่มของทองหยิบ ไปจนถึงความกลมกล่อมของเมี่ยงคำ ความโดดเด่นอยู่ที่การใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่สดใหม่ เช่น มะพร้าว น้ำตาลปี๊บ และสมุนไพรต่างๆ ทำให้อาหารว่างแต่ละชนิดมีความพิเศษเฉพาะตัว
บทความนี้ได้รวบรวม 20 เมนูอาหารว่างไทยยอดนิยมที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน พร้อมสูตรและวิธีทำอย่างละเอียด เพื่อให้ทุกคนสามารถสัมผัสรสชาติแบบไทยแท้ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวาน แต่ละเมนูล้วนมีความลงตัวในแบบฉบับอาหารว่างไทยที่แท้จริง
ข้าวตังหน้าตั้ง
ข้าวตังหน้าตั้งถือเป็นอาหารไทยโบราณที่มีเอกลักษณ์ในรสชาติและลักษณะเฉพาะตัว ด้วยความกรอบนุ่มของข้าวตังที่เข้ากันดีกับรสชาติของหน้าตั้งที่หวานมัน อาหารจานนี้ไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับการเสิร์ฟในงานสำคัญหรือโอกาสพิเศษ แต่ยังสามารถทำรับประทานเองที่บ้านได้ไม่ยาก ในบทความนี้ เราจะมาแชร์สูตรต้นตำรับข้าวตังหน้าตั้ง พร้อมขั้นตอนการทำแบบละเอียดที่ทุกคนสามารถทำตามได้
ส่วนผสม
สำหรับข้าวตัง
- ข้าวสวย 2 ถ้วย
- น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วย
สำหรับหน้าตั้ง
- เนื้อหมูบด 200 กรัม
- กุ้งสับละเอียด 100 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชีสับ 1 ช้อนชา
- หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- ถั่วลิสงคั่วบด 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเส้น สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
การทำข้าวตัง
- ใช้ข้าวสวยที่เย็นสนิท ปั้นเป็นแผ่นบางๆ ขนาดพอดีคำ วางลงบนถาดที่รองด้วยกระดาษไข
- ตากแดดหรืออบในเตาอบไฟอ่อน 50 องศาเซลเซียสจนแห้งสนิท
- ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อน นำข้าวตังแห้งลงทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
การทำหน้าตั้ง
- ตั้งกระทะ ใส่หัวกะทิลงไป เคี่ยวจนแตกมัน
- ใส่กระเทียม รากผักชี และหอมแดงสับ ผัดจนหอม
- ใส่หมูบดและกุ้งสับลงผัดจนสุก
- ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และเกลือ คนให้เข้ากัน
- เติมถั่วลิสงคั่วบด คนจนส่วนผสมเหนียวและเข้ากันดี ยกลงจากเตา
การประกอบ
- ตักหน้าตั้งใส่บนข้าวตังที่ทอดไว้ ตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าแดง
- เสิร์ฟพร้อมผักสด เช่น แตงกวา ใบโหระพา หรือต้นหอม ตามชอบ
การะเวกสอดสี
การะเวกสอดสี ขนมไทยโบราณที่หายากในปัจจุบัน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในรสชาติและรูปลักษณ์ ขนมชนิดนี้เป็นการรวมกันของสีสันจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ใบเตย อัญชัน และน้ำตาลมะพร้าว สร้างความหอมหวานที่ยากจะลืมเลือน วิธีการทำอาจดูซับซ้อน แต่ถ้าลองทำตามสูตรนี้ คุณจะพบว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด
ส่วนผสม
ส่วนแป้งขนม:
- แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
- แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
- น้ำใบเตยคั้นสด 1/2 ถ้วย
- น้ำดอกอัญชันคั้นสด 1/2 ถ้วย
- กะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ถ้วย
- เกลือป่นเล็กน้อย
ส่วนไส้ขนม:
- มะพร้าวขูด 1 ถ้วย
- น้ำตาลมะพร้าว 1/3 ถ้วย
- ใบเตยสำหรับเพิ่มความหอม 2 ใบ
วิธีทำ
1. เตรียมไส้ขนม
- ตั้งกระทะบนไฟอ่อน ใส่น้ำตาลมะพร้าวและใบเตยลงไปคนให้ละลายจนหอม
- ใส่มะพร้าวขูดลงไป ผัดให้เข้ากันจนแห้ง ยกออกจากเตาและพักไว้ให้เย็น
2. เตรียมแป้ง
- ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันในชามผสม ค่อย ๆ เติมกะทิคนจนเข้ากัน
- แบ่งแป้งออกเป็น 2 ส่วน ผสมส่วนแรกกับน้ำใบเตย และส่วนที่สองกับน้ำดอกอัญชัน
3. ทำชั้นขนม
- ตั้งหม้อนึ่งให้ร้อน ใช้ถาดสำหรับหยอดขนมที่ทาน้ำมันบาง ๆ
- หยอดแป้งสีใบเตยลงในถาดเป็นชั้นบาง ๆ นึ่งประมาณ 3 นาที
- หยอดแป้งสีน้ำดอกอัญชันทับลงไป นึ่งต่ออีก 3 นาที ทำซ้ำจนหมด
4. ใส่ไส้ขนม
- เมื่อแป้งครบทุกชั้นแล้ว ใส่ไส้มะพร้าวที่เตรียมไว้ลงบนชั้นสุดท้าย
- ปิดด้วยแป้งอีกชั้น นึ่งต่ออีก 5 นาทีจนสุก
ถุงทอง
ถุงทอง เป็นเมนูอาหารว่างแบบไทยที่ได้รับความนิยมจากรูปลักษณ์ที่สวยงามเหมือนถุงทองคำ พร้อมรสชาติกรอบอร่อยและไส้ที่ปรุงรสอย่างลงตัว นิยมเสิร์ฟในงานเลี้ยงหรือทานเล่นในครอบครัว สูตรนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการลองทำอาหารไทยแบบประณีต
ส่วนผสม
ไส้ถุงทอง
- เนื้อหมูบด 200 กรัม
- แครอทหั่นเต๋าเล็ก 50 กรัม
- ข้าวโพดหวาน 50 กรัม
- หอมใหญ่สับละเอียด 30 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำมันพืชเล็กน้อย (สำหรับผัดไส้)
ตัวถุงทอง
- แป้งเปาะเปี๊ยะขนาดเล็ก 20 แผ่น
- ใบต้นหอม (ลวกให้นิ่มสำหรับมัดถุง)
- น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย ผัดกระเทียมจนหอม
- ใส่หมูบดลงไปผัดจนเริ่มสุก ใส่แครอท ข้าวโพดหวาน และหอมใหญ่ลงไป
- ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น ผัดจนส่วนผสมเข้ากันและแห้งพอสมควร พักไว้ให้เย็น
- วางแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะบนพื้นเรียบ ใส่ไส้ประมาณ 1 ช้อนชา ตรงกลาง
- พับแป้งขึ้นรอบๆ ไส้ให้เป็นรูปถุง ใช้ใบต้นหอมมัดให้แน่น
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชให้ร้อน ใช้ไฟกลาง ทอดถุงทองจนเหลืองกรอบ
- ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
- จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มไก่หรือซอสพริกตามชอบ
หรุ่มพุมเรียง
หรุ่มพุมเรียง เป็นอาหารไทยโบราณที่มีความละเอียดอ่อนทั้งในด้านรสชาติและหน้าตา เมนูนี้นิยมใช้ในงานเลี้ยงต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในอดีต ความพิเศษของหรุ่มพุมเรียงคือการห่อเนื้อไส้ที่ปรุงจนได้รสชาติกลมกล่อมด้วยแป้งไข่ที่ทอดเป็นแผ่นบาง ๆ และตกแต่งอย่างสวยงาม
ส่วนผสม
ส่วนผสมไส้
- เนื้อไก่บด 200 กรัม
- กุ้งสับ 100 กรัม
- หอมแดงสับ 3 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชีสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมแป้งไข่
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- น้ำมันพืชสำหรับทอด
เครื่องเคียงและตกแต่ง
- ใบผักชี
- พริกชี้ฟ้าหั่นเส้น
วิธีทำ
การเตรียมไส้
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชบนไฟกลาง ใส่หอมแดง กระเทียม และรากผักชีลงไปผัดจนหอม
- ใส่เนื้อไก่บดและกุ้งสับลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น ผัดจนส่วนผสมเข้ากันดี ยกลงพักไว้ให้เย็น
การทำแป้งไข่
- ตอกไข่ไก่ใส่ชาม ตีให้เข้ากันจนเนียน
- ตั้งกระทะบนไฟอ่อน ใช้กระทะแบบไม่ติดเพื่อให้ไข่แผ่นเรียบเนียน ทาน้ำมันบาง ๆ ที่กระทะ
- ตักไข่ไก่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ลงในกระทะ กรอกให้ไข่แผ่เป็นแผ่นบาง รอให้สุกแล้วตักออก ทำจนไข่หมด
การห่อหรุ่มพุมเรียง
- วางแผ่นไข่บนจาน ตักไส้ที่เตรียมไว้ใส่ตรงกลาง
- พับแผ่นไข่ให้เป็นทรงสี่เหลี่ยม ใช้ใบผักชีและเส้นพริกชี้ฟ้าผูกห่อให้สวยงาม
การจัดเสิร์ฟ
- จัดหรุ่มพุมเรียงลงจาน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หรือเป็นเมนูอาหารว่างตามต้องการ
ม้าฮ่อ
ม้าฮ่อ เป็นของว่างไทยโบราณที่มีเอกลักษณ์ด้วยรสชาติเปรี้ยวหวานที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ใช้ผลไม้สดเป็นฐานรองรับไส้หมูหวานเข้มข้น เมนูนี้ไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังสะท้อนถึงความปราณีตของอาหารไทยที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด
ส่วนผสม
สำหรับไส้
- หมูสับ 200 กรัม
- ถั่วลิสงคั่วบด 50 กรัม
- หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
สำหรับตัวม้าฮ่อ
- สับปะรด (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ) 1 ลูก
- ส้มโอ (แกะเป็นชิ้นเล็กๆ) 1 ถ้วย
- ผักชี สำหรับตกแต่ง
- พริกชี้ฟ้าหั่นเส้น สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
การเตรียมไส้
- ผัดไส้: ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช ใช้ไฟกลาง ใส่หอมแดงผัดจนหอม ใส่หมูสับลงไปผัดจนสุก
- ปรุงรส: ใส่น้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากันและเคี่ยวจนไส้เหนียว
- ใส่ถั่วลิสงบด: ใส่ถั่วลิสงคั่วบดลงไป คนให้เข้ากัน ปิดไฟและพักไว้ให้เย็น
การประกอบม้าฮ่อ
- เตรียมผลไม้: หั่นสับปะรดเป็นชิ้นพอดีคำหรือแกะส้มโอเป็นกลีบเล็ก
- จัดวาง: วางผลไม้บนจาน และตักไส้หมูหวานวางบนผลไม้
- ตกแต่ง: โรยหน้าด้วยผักชีและพริกชี้ฟ้าให้สวยงาม
ค้างคาวเผือก
ค้างคาวเผือก เป็นเมนูทานเล่นที่มีรสชาติอร่อย หอมมันจากเผือก และกรอบจากแป้งที่ทอดจนเหลืองกรอบ เมนูนี้เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นของว่างในครอบครัว หรือเสิร์ฟในงานเลี้ยง โดยสูตรนี้จะเน้นให้แป้งบางกรอบ และไส้เผือกที่นุ่มหอม ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก
ส่วนผสม
- เผือกขูดเส้น 300 กรัม
- แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
- แป้งมันสำปะหลัง 50 กรัม
- น้ำตาลทราย 50 กรัม
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- กะทิ 150 มิลลิลิตร
- น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
- เตรียมเผือก: ล้างเผือกให้สะอาด ปอกเปลือก แล้วขูดเป็นเส้นขนาดเล็กๆ พักไว้ในชามผสม
- ผสมแป้ง: ในชามผสมขนาดใหญ่ ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้เข้ากัน
- ผสมกะทิและเผือก: ค่อยๆ เทกะทิลงในชามแป้ง คนให้เข้ากันจนได้เนื้อแป้งที่เนียน จากนั้นใส่เผือกขูดเส้นลงไป ผสมให้เผือกเคลือบแป้งอย่างทั่วถึง
- ตั้งกระทะ: ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชบนไฟกลางจนร้อน
- ทอดค้างคาวเผือก: ใช้ช้อนตักส่วนผสมเผือกลงในน้ำมัน ทอดจนด้านนอกเหลืองกรอบและด้านในสุกดี ตักขึ้นพักบนกระดาษซับน้ำมัน
- เสิร์ฟ: จัดใส่จานเสิร์ฟ พร้อมซอสหวานหรือน้ำจิ้มตามชอบ
ยำส้มโอ
ยำส้มโอ เป็นอาหารไทยที่มีรสชาติกลมกล่อมและจัดจ้านในคราวเดียวกัน ผสมผสานความเปรี้ยวหวานของส้มโอกับน้ำยำสูตรเด็ดที่เต็มไปด้วยสมุนไพรไทย อาหารจานนี้เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้ออาหารธรรมดาในครอบครัวหรือมื้อพิเศษที่ต้องการความประทับใจ
ส่วนผสม
- ส้มโอ 1 ลูก (เลือกพันธุ์ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว)
- เนื้อกุ้งลวกสุก 200 กรัม
- หมูสับรวนสุก 150 กรัม
- หอมแดงซอย 4 หัว
- พริกขี้หนูซอย 5 เม็ด
- ถั่วลิสงคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
- มะพร้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีสำหรับตกแต่ง
น้ำยำ
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- เตรียมส้มโอ: แกะส้มโอให้ได้เนื้อขนาดพอดีคำ ระวังอย่าให้เนื้อเละ พักไว้ในชาม
- ทำน้ำยำ: ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ และน้ำพริกเผาในชามผสม คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
- ผสมวัตถุดิบ: ใส่เนื้อส้มโอ กุ้งลวก หมูสับ หอมแดง และพริกขี้หนูซอยลงในชามน้ำยำ คลุกเคล้าเบาๆ ให้เข้ากัน
- เติมความกรุบกรอบ: ใส่ถั่วลิสงคั่วและมะพร้าวคั่ว คนให้เข้ากันอีกครั้ง
- จัดเสิร์ฟ: ตักยำส้มโอใส่จาน โรยต้นหอมซอยและตกแต่งด้วยผักชี พร้อมเสิร์ฟ
ข้าวตังหน้าตั้ง
ข้าวตังหน้าตั้ง เป็นเมนูว่างโบราณของไทยที่นิยมในงานเลี้ยงและโอกาสพิเศษ ด้วยรสชาติที่กลมกล่อม หอมมัน และการจับคู่ที่ลงตัวระหว่างข้าวตังกรอบๆ และหน้าตั้งรสหวานเค็ม เมนูนี้เป็นตัวแทนของความพิถีพิถันในอาหารไทยโบราณที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนผสม
สำหรับข้าวตัง
- ข้าวตังแผ่น (สำเร็จรูป) 8 แผ่น
- น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วย
สำหรับหน้าตั้ง
- หมูสับ 200 กรัม
- กุ้งสับ 100 กรัม
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วลิสงคั่วบด 1/2 ถ้วย
- ผักชีสำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
ขั้นตอนการทำข้าวตัง
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชให้ร้อน ใช้ไฟกลาง
- ทอดข้าวตังแผ่นให้เหลืองกรอบ นำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมันบนกระดาษซับมัน
ขั้นตอนการทำหน้าตั้ง
- ตั้งกระทะ ใช้ไฟกลาง ใส่หัวกะทิลงไป เคี่ยวจนแตกมัน
- ใส่กระเทียมสับและหอมแดงซอย ผัดจนหอม
- ใส่หมูสับและกุ้งสับ ผัดจนสุกและส่วนผสมเข้ากันดี
- ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก คนให้เข้ากัน
- ใส่ถั่วลิสงบด เคี่ยวต่อจนซอสข้น ปิดไฟ
- ตักหน้าตั้งใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชี
การเสิร์ฟ
- จัดข้าวตังทอดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมหน้าตั้งในถ้วยเล็ก
- ตักหน้าตั้งใส่บนข้าวตังก่อนรับประทาน เพื่อคงความกรอบของข้าวตัง
เมี่ยงคำ
เมี่ยงคำ เป็นอาหารว่างแบบไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการรวมรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ดไว้ในคำเดียว เมนูนี้ได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในครัวเรือน และความสนุกสนานในการจัดวางส่วนผสมลงบนใบชะพลู
ส่วนผสม
ส่วนผสมหลัก
- ใบชะพลู 20 ใบ (หรือใบคะน้า)
- มะพร้าวขูด ½ ถ้วย (คั่วให้หอม)
- ถั่วลิสงคั่ว ½ ถ้วย
- ขิงสดหั่นเต๋า ¼ ถ้วย
- หอมแดงหั่นเต๋า ¼ ถ้วย
- มะนาวหั่นเต๋า (รวมเปลือก) ¼ ถ้วย
- พริกขี้หนูซอย (ตามชอบ)
ส่วนผสมน้ำเมี่ยง
- น้ำตาลปี๊บ ½ ถ้วย
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- ข่าหั่นแว่น 2 ชิ้น
- ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า ½ ถ้วย
วิธีทำ
การเตรียมส่วนผสม
- ตั้งหม้อไฟอ่อน ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำเปล่า
- คนให้ส่วนผสมละลาย ใส่กะปิ ข่า และตะไคร้ เคี่ยวจนข้นเล็กน้อย ปิดไฟและกรองน้ำเมี่ยง พักไว้ให้เย็น
- คั่วมะพร้าวขูดจนเหลืองหอม
- เตรียมถั่วลิสงคั่ว ขิง หอมแดง มะนาว และพริกขี้หนูใส่ถ้วยแยก
- ล้างใบชะพลูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง วางบนจานพร้อมเสิร์ฟ
การจัดเมี่ยงคำ
- วางใบชะพลูบนฝ่ามือ เติมส่วนผสม เช่น มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง ขิง หอมแดง มะนาว และพริกขี้หนูลงไป
- ราดน้ำเมี่ยงที่เตรียมไว้ประมาณ 1 ช้อนชา
- ห่อใบชะพลูเป็นคำเล็กๆ พร้อมรับประทาน
กุ้งโสร่ง
กุ้งโสร่ง เป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการนำกุ้งสดมาพันด้วยเส้นหมี่ซั่วหรือเส้นหมี่เหลือง แล้วนำไปทอดจนกรอบ รสชาติกรอบนอกนุ่มใน อร่อยลงตัว เมนูนี้มักถูกเสิร์ฟในงานสำคัญและได้รับความนิยมจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
ส่วนผสม
- กุ้งสด 12 ตัว (ขนาดกลางถึงใหญ่)
- เส้นหมี่ซั่วหรือหมี่เหลือง 200 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับคลุกกุ้ง)
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
- เตรียมกุ้ง: ล้างกุ้งให้สะอาด ปอกเปลือก เหลือหางไว้ และผ่าหลังเพื่อเอาเส้นดำออก จากนั้นหมักด้วยน้ำปลาและพริกไทยป่น ทิ้งไว้ 10 นาที
- เตรียมเส้นหมี่: แช่เส้นหมี่ในน้ำให้นุ่ม แล้วสะเด็ดน้ำพักไว้
- พันกุ้ง: โรยแป้งสาลีบางๆ บนตัวกุ้งเพื่อช่วยให้เส้นหมี่ติดแน่น จากนั้นพันเส้นหมี่รอบตัวกุ้งให้แน่นพอเหมาะ
- ทอดกุ้ง: ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชให้ร้อน ใช้ไฟปานกลาง นำกุ้งพันเส้นหมี่ลงทอดจนเหลืองกรอบ ใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที แล้วตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
- จัดเสิร์ฟ: วางกุ้งโสร่งบนจานเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยผักสดหรือใบมะกรูดทอดตามชอบ
หมูโสร่ง
หมูโสร่ง เป็นเมนูไทยโบราณที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งในด้านหน้าตาและรสชาติ เป็นอาหารที่เคยปรากฏในตำรับ “กาพย์เห่เรือ” สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยใช้หมูปรุงรสห่อด้วยเส้นหมี่ซั่ว ทอดจนกรอบเหลือง หอมอร่อย
ส่วนผสม
- หมูบด 300 กรัม
- รากผักชี 2 ราก (โขลกละเอียด)
- กระเทียม 4 กลีบ (โขลกละเอียด)
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- เส้นหมี่ซั่ว 100 กรัม (แช่น้ำให้นิ่มและซับน้ำให้แห้ง)
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
วิธีทำ
- นำหมูบดใส่ชามผสม เติมรากผักชี กระเทียม พริกไทย น้ำปลา และน้ำตาลทราย
- คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันดี จากนั้นหมักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีในตู้เย็น
- นำเส้นหมี่ที่แช่น้ำไว้มาซับให้แห้ง แบ่งเป็นเส้นยาวพอเหมาะสำหรับห่อหมู
- ปั้นหมูหมักเป็นก้อนขนาดพอดีคำ จากนั้นใช้เส้นหมี่พันรอบๆ ก้อนหมูให้ทั่วจนคล้ายลูกบอล
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช เปิดไฟกลางจนร้อน นำหมูโสร่งลงทอด
- ทอดจนเส้นหมี่กรอบและมีสีเหลืองทอง จากนั้นตักขึ้นพักบนกระดาษซับน้ำมัน
- เสิร์ฟหมูโสร่งพร้อมน้ำจิ้มไก่หรือน้ำจิ้มแจ่วตามชอบ
ช่อม่วงไส้ปลาช่อนนา
ส่วนผสม
ส่วนผสมแป้งช่อม่วง:
- แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
- แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำดอกอัญชัน 1/2 ถ้วย (สำหรับสีม่วง)
- น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
- น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
ส่วนผสมไส้ปลาช่อนนา:
- เนื้อปลาช่อนนานึ่ง 150 กรัม
- รากผักชี 2 ราก (สับละเอียด)
- กระเทียม 3 กลีบ (สับละเอียด)
- พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา (บดละเอียด)
- หอมแดง 2 หัว (สับละเอียด)
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
สำหรับตกแต่ง:
- ผักชีและพริกแดงหั่นฝอย
วิธีทำ
ขั้นตอนการเตรียมไส้ปลาช่อนนา:
- ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง ใส่น้ำมันพืช รอจนร้อนแล้วใส่รากผักชี กระเทียม และพริกไทยลงไปผัดจนหอม
- ใส่เนื้อปลาช่อนที่นึ่งแล้วลงไปผัดให้เข้ากัน เติมน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา ผัดจนส่วนผสมเข้ากันดีและแห้งเล็กน้อย พักไว้ให้เย็น
ขั้นตอนการทำแป้งช่อม่วง:
- ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันเข้าด้วยกันในชามผสม ค่อยๆ เติมน้ำดอกอัญชันและน้ำเปล่า คนให้เข้ากันจนเนียน
- ตั้งกระทะใช้ไฟอ่อน เทส่วนผสมแป้งลงไป กวนจนแป้งสุกและไม่ติดกระทะ จากนั้นเติมน้ำมันพืช กวนต่ออีกเล็กน้อย พักแป้งไว้จนเย็น
ขั้นตอนการปั้นและแต่งช่อม่วง:
- แบ่งแป้งเป็นก้อนเล็กๆ ปั้นเป็นแผ่นบางๆ ใส่ไส้ปลาช่อนที่เตรียมไว้ตรงกลาง แล้วห่อให้มิด
- ใช้แหนบหรือตะเกียบแต่งลายให้เป็นช่อดอกไม้ วางในซึ้งที่รองด้วยใบตอง
- นำไปนึ่งด้วยไฟกลางประมาณ 10 นาที จนแป้งสุกใส
ขั้นตอนการจัดเสิร์ฟ:
- วางช่อม่วงที่นึ่งสุกแล้วลงจาน ตกแต่งด้วยผักชีและพริกแดงหั่นฝอย
- เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม เช่น น้ำจิ้มซีฟู้ดหรือน้ำจิ้มถั่วตามชอบ
หมี่กรอบโบราณ
หมี่กรอบโบราณ เป็นเมนูอาหารไทยที่มีความโดดเด่นในเรื่องรสชาติเปรี้ยวหวานที่ลงตัว ผสานกับความกรอบของเส้นหมี่ที่ทอดจนกรอบพอดี นับเป็นเมนูที่อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างยาวนาน เหมาะสำหรับเป็นของว่างหรืออาหารจานหลักในมื้อพิเศษ
ส่วนผสม
ส่วนผสมสำหรับเส้นหมี่:
- เส้นหมี่ขาว (อบแห้ง) 150 กรัม
- น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วย
ส่วนผสมสำหรับซอสหมี่กรอบ:
- น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 2 หัว
- กระเทียมสับ 3 กลีบ
- พริกแห้งทอด 3-4 เม็ด
- เต้าหู้แข็งหั่นเต๋าเล็ก 100 กรัม
- กุ้งสดปอกเปลือก 150 กรัม
เครื่องเคียง:
- ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ใบ
- ผักชีสำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
- ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใช้ไฟกลาง จากนั้นนำเส้นหมี่ขาวลงทอดทีละน้อยจนฟูกรอบ
- ตักเส้นหมี่ที่ทอดแล้วขึ้นพักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน
- ตั้งกระทะใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำมะนาว คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี
- ใส่หอมแดงซอยและกระเทียมสับลงไปผัดจนหอม
- ใส่เต้าหู้แข็งลงไปในกระทะ ผัดให้เข้ากับซอส
- ตามด้วยกุ้งสด ผัดจนกุ้งสุก
- ใส่เส้นหมี่ที่ทอดแล้วลงในกระทะ ค่อยๆ คลุกเคล้าให้เส้นหมี่เคลือบซอสทั่วถึง
- เติมพริกแห้งทอดและใบมะกรูดหั่นฝอย ผสมให้เข้ากัน
- ตักหมี่กรอบใส่จาน โรยผักชีและจัดเครื่องเคียงตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ
แตงโมปลาแห้ง
แตงโมปลาแห้ง เป็นเมนูอาหารว่างไทยโบราณที่มีความสดชื่น เหมาะสำหรับหน้าร้อนที่ต้องการของว่างหวานเย็นช่วยคลายร้อน รสชาติของแตงโมหวานฉ่ำเมื่อทานคู่กับปลาแห้งที่มีรสเค็มมันกลมกล่อม สร้างประสบการณ์การกินที่แตกต่างและอร่อยอย่างลงตัว
ส่วนผสม
- แตงโม 1 ลูก (ขนาดกลาง)
- เนื้อปลาแห้ง 50 กรัม
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
- ใบมะกรูดซอย (สำหรับตกแต่ง)
วิธีทำ
- ล้างแตงโมให้สะอาด ผ่าครึ่งและตัดเนื้อแตงโมออกเป็นชิ้นพอดีคำ จัดเรียงในจานเสิร์ฟ
- ตั้งกระทะบนไฟอ่อน นำปลาแห้งลงคั่วจนกรอบ หมั่นคนเพื่อไม่ให้ไหม้ จากนั้นนำปลาแห้งมาป่นให้ละเอียด
- ในชามผสม ผสมปลาแห้งป่นกับน้ำตาลทราย คลุกเคล้าให้เข้ากันดี
- โรยส่วนผสมปลาแห้งลงบนแตงโมที่เตรียมไว้ ตามด้วยหอมแดงเจียว และตกแต่งด้วยใบมะกรูดซอย
- เสิร์ฟแตงโมปลาแห้งทันที เพื่อความสดชื่นและรสชาติที่ดีที่สุด
ข้าวโพดทอด
ข้าวโพดทอด เป็นเมนูทานเล่นยอดนิยมที่กรอบอร่อยและหอมมัน เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้อว่างในวันสบายๆ หรือเป็นอาหารว่างในงานปาร์ตี้ ด้วยวัตถุดิบหลักคือข้าวโพดหวานและแป้งทอดกรอบ สูตรนี้จะช่วยให้คุณทำข้าวโพดทอดได้กรอบนอกนุ่มใน และไม่อมน้ำมัน
ส่วนผสม
- ข้าวโพดหวาน (แกะเมล็ด) 2 ถ้วย
- แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
- น้ำเย็นจัด 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- ผงฟู 1/2 ช้อนชา
- น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
- เตรียมส่วนผสมแป้ง: ผสมแป้งทอดกรอบ น้ำตาลทราย เกลือ และผงฟูในชามผสม ใส่น้ำเย็นจัดทีละน้อย คนให้ส่วนผสมเข้ากันจนได้แป้งเนื้อเนียน
- ใส่ข้าวโพด: ใส่ข้าวโพดหวานที่แกะเมล็ดลงในแป้งที่เตรียมไว้ คนให้ข้าวโพดเคลือบแป้งอย่างทั่วถึง
- ตั้งกระทะ: ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลาง รอจนน้ำมันร้อน (ทดสอบด้วยการหยดแป้งลงไป หากแป้งลอยขึ้นและมีฟองเล็กๆ แสดงว่าน้ำมันร้อนได้ที่)
- ทอดข้าวโพด: ตักข้าวโพดที่คลุกแป้งเป็นช้อนเล็กๆ แล้วค่อยๆ หย่อนลงในกระทะ ทอดจนข้าวโพดมีสีเหลืองทอง
- พักให้สะเด็ดน้ำมัน: ตักข้าวโพดทอดขึ้นจากน้ำมัน พักบนกระดาษซับน้ำมันเพื่อซับน้ำมันส่วนเกิน
- เสิร์ฟ: จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟทันที
ล่าเตียง
ล่าเตียง เป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ความโดดเด่นของเมนูนี้คือการห่อไส้ด้วยแผ่นไข่ที่ถักทอลวดลายอย่างประณีต และมีรสชาติที่กลมกล่อมจากส่วนผสมที่คัดสรรอย่างลงตัว
ส่วนผสม
ไส้ล่าเตียง
- หมูสับ 100 กรัม
- กุ้งสับ 100 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
แป้งไข่
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- น้ำมันพืช (สำหรับทากระทะ)
เครื่องเคียง
- ผักชี
- พริกชี้ฟ้าแดง (สำหรับตกแต่ง)
วิธีทำ
การเตรียมไส้
- ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันเล็กน้อย แล้วผัดกระเทียมและหอมแดงจนหอม
- ใส่หมูสับและกุ้งสับลงไปผัดให้สุก
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และพริกไทย ผัดให้เข้ากันจนส่วนผสมเริ่มแห้ง
- ตักขึ้นและพักไว้ให้เย็น จากนั้นผสมผักชีซอยลงในไส้
การทำแป้งไข่
- ตีไข่ไก่ให้เข้ากัน กรองผ่านกระชอนเพื่อให้เนื้อไข่เนียน
- ตั้งกระทะแบนบนไฟอ่อน ทาน้ำมันบางๆ ด้วยพู่กัน
- ใช้ช้อนตักไข่หยดลงบนกระทะเป็นเส้นตัดสลับกันจนเป็นลายตาราง
- รอให้ไข่สุกดีแล้วค่อยๆ ลอกออกจากกระทะอย่างระมัดระวัง
การประกอบล่าเตียง
- ตัดแป้งไข่เป็นสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 10×10 เซนติเมตร
- วางไส้ที่เตรียมไว้ตรงกลางแผ่นไข่ พับขอบทั้งสี่ด้านให้ห่อไส้พอดี
- จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยผักชีและพริกชี้ฟ้าแดง
ขนมจีบนกไส้ไก่
ขนมจีบนกไส้ไก่ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทั้งอร่อยและน่ารักไปพร้อมๆ กัน รูปลักษณ์ที่เหมือนนกตัวเล็กๆ ทำให้เมนูนี้เหมาะสำหรับงานเลี้ยงและเพิ่มสีสันให้โต๊ะอาหารได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ขนมจีบนกยังสามารถดัดแปลงไส้ได้ตามชอบ แต่สำหรับสูตรนี้เราจะใช้ไก่เป็นวัตถุดิบหลักเพื่อความอร่อยที่กลมกล่อม
ส่วนผสม
สำหรับแป้ง
- แป้งเกี๊ยว 1 ห่อ (ขนาดเล็ก)
- น้ำเปล่า (สำหรับติดแป้ง)
สำหรับไส้
- เนื้อไก่บด 300 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชีสับ 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
- น้ำมันงา 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- แครอทสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
สำหรับตกแต่ง
- แครอท (หั่นเป็นสามเหลี่ยมเล็กสำหรับทำปากนก)
- งาดำ (สำหรับทำตานก)
วิธีทำ
- ผสมเนื้อไก่บด กระเทียม รากผักชี พริกไทยป่น ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา น้ำตาลทราย และแครอทสับละเอียดในชามผสม
- คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนเนียน พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 10 นาที
- นำแป้งเกี๊ยวมาวางบนพื้นผิวเรียบ ใช้น้ำเปล่าแตะขอบแป้งเล็กน้อยเพื่อช่วยติดแป้งเวลาใช้งาน
- วางไส้ไก่ประมาณ 1 ช้อนชาไว้กลางแป้งเกี๊ยว
- ห่อแป้งให้เป็นทรงจีบด้านบน จากนั้นบีบปลายแป้งให้ยาวออกเป็นรูปร่างคล้ายนก
- ตกแต่งด้วยแครอทสำหรับทำปากและงาดำสำหรับทำตา
- เตรียมซึ้งนึ่ง โดยใส่น้ำลงในหม้อนึ่งและตั้งไฟจนเดือด
- วางขนมจีบลงในซึ้งที่รองด้วยใบตองหรือกระดาษไข เพื่อไม่ให้ติด
- นึ่งด้วยไฟกลางประมาณ 15-20 นาทีจนขนมจีบสุก
- ยกขนมจีบออกจากซึ้ง จัดใส่จานเสิร์ฟ พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดหรือซอสเปรี้ยวหวาน
ช่อผกากรอง
ช่อผกากรอง เป็นอาหารไทยโบราณที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดอกไม้ที่มีสีสันสดใส นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังมีรสชาติที่กลมกล่อมลงตัว สูตรนี้เหมาะสำหรับการทำในโอกาสพิเศษ เช่น งานเลี้ยง งานเทศกาล หรือมื้ออาหารที่ต้องการความสร้างสรรค์
ส่วนผสม
ส่วนผสมสำหรับตัวช่อ
- แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
- แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำกะทิ 1 ถ้วย
- น้ำมะพร้าวอ่อน 1/4 ถ้วย
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- สีผสมอาหาร (สีธรรมชาติ เช่น ดอกอัญชัน หรือขมิ้น)
ส่วนผสมสำหรับไส้
- เนื้อหมูสับ 200 กรัม
- รากผักชี 2 ราก (โขลกละเอียด)
- กระเทียม 3 กลีบ (โขลกละเอียด)
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- หอมใหญ่สับ 1/4 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
การทำไส้
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช เปิดไฟกลาง ใส่กระเทียม รากผักชี และพริกไทยที่โขลกลงไปผัดจนหอม
- ใส่เนื้อหมูสับลงไปผัดจนสุก จากนั้นใส่หอมใหญ่สับ ผัดต่อจนเนื้อนุ่ม
- ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ ผัดต่อจนเครื่องปรุงเข้ากันดี ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น
การทำตัวช่อ
- ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง น้ำกะทิ น้ำมะพร้าวอ่อน และเกลือเข้าด้วยกันในชาม คนจนเนื้อแป้งเนียน
- แบ่งแป้งออกเป็นส่วนๆ แล้วเติมสีผสมอาหารตามต้องการ เช่น สีม่วงจากดอกอัญชัน หรือสีเหลืองจากขมิ้น
- ตั้งกระทะร้อน ใช้ไฟอ่อน หยอดแป้งลงในกระทะให้เป็นแผ่นบาง ทิ้งไว้จนแป้งสุก ตักขึ้นพัก
การประกอบช่อ
- ตัดแป้งเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก
- ใส่ไส้ที่เตรียมไว้ตรงกลางแป้ง พับเป็นทรงดอกไม้
- ตกแต่งด้วยใบไม้เล็กๆ หรือพริกชี้ฟ้าหั่นฝอยเพื่อความสวยงาม
เมี่ยงกลีบบัว
เมี่ยงกลีบบัว เป็นเมนูอาหารไทยที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ โดยเฉพาะกลีบบัวสดที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและรสชาติให้กับจานอาหาร เมี่ยงกลีบบัวเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับการทานเล่นหรือเป็นอาหารว่างในโอกาสพิเศษ ด้วยรสชาติที่หลากหลายจากสมุนไพรและน้ำจิ้ม ทำให้เมนูนี้โดดเด่นและน่าลิ้มลอง
ส่วนผสม
ส่วนผสมสำหรับเมี่ยง
- กลีบบัวสด 40 กลีบ (ประมาณ 10 ดอก)
- ขิงสดหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
- มะนาวหั่นเต๋า (ทั้งเปลือก) 2 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- มะพร้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูหั่น 1 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามชอบ)
ส่วนผสมน้ำจิ้มเมี่ยง
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 1 ช้อนชา
- พริกขี้หนูตำ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ขั้นตอนการเตรียมเมี่ยง
- เตรียมกลีบบัว: ล้างกลีบบัวให้สะอาดและพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ คัดเฉพาะกลีบที่สวยงามและไม่ช้ำ
- เตรียมส่วนผสม: หั่นขิง หอมแดง มะนาว และพริกขี้หนูเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้สะดวกต่อการห่อในกลีบบัว
- คั่วมะพร้าวและถั่วลิสง: คั่วมะพร้าวและถั่วลิสงจนหอม แล้วพักไว้
ขั้นตอนการทำน้ำจิ้ม
- ในหม้อขนาดเล็ก ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก ตั้งไฟอ่อนคนจนส่วนผสมละลาย
- ใส่กะปิและพริกขี้หนูตำ คนให้เข้ากัน เคี่ยวต่อจนได้น้ำจิ้มที่มีความข้นเล็กน้อย
- ปิดไฟและพักให้เย็น
ขั้นตอนการประกอบเมี่ยง
- วางกลีบบัวบนจานหรือภาชนะที่เตรียมไว้
- ใส่ส่วนผสม เช่น ขิงหั่นเต๋า มะนาวหั่นเต๋า หอมแดง ถั่วลิสงคั่ว และมะพร้าวคั่ว ลงในกลีบบัว
- ราดน้ำจิ้มที่เตรียมไว้ลงบนกลีบบัว
- เสิร์ฟพร้อมกันในถาดหรือจานสวยงาม
แสร้งว่ากุ้ง
แสร้งว่ากุ้ง เป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ด้วยรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ดในจานเดียว ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่การใช้สมุนไพรไทย เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด และหอมแดง ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความหอมแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
ส่วนผสม
- กุ้งสด 300 กรัม (ปอกเปลือกและผ่าหลัง)
- ตะไคร้ 3 ต้น (ซอยบางๆ)
- ใบมะกรูด 5 ใบ (ฉีกเป็นชิ้นเล็ก)
- หอมแดง 5 หัว (ซอยบางๆ)
- พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด (สับหยาบ)
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- ข่าอ่อน 2 แง่ง (ซอยบางๆ)
- ผักชี 1 ต้น (สำหรับโรยหน้า)
วิธีทำ
- เตรียมกุ้ง: ล้างกุ้งให้สะอาด ต้มน้ำให้เดือดแล้วลวกกุ้งจนสุก ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ตักขึ้นและพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
- ผสมเครื่องสมุนไพร: ในชามผสม ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง ข่า และพริกขี้หนู ผสมให้เข้ากัน
- ปรุงรส: เติมน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บลงไปในชาม คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากันจนได้รสชาติที่กลมกล่อม
- เพิ่มกุ้ง: ใส่กุ้งที่ลวกไว้ลงไปในชาม คลุกเบาๆ เพื่อไม่ให้กุ้งช้ำและให้เครื่องสมุนไพรซึมเข้าเนื้อกุ้ง
- จัดเสิร์ฟ: ตักแสร้งว่ากุ้งใส่จาน โรยหน้าด้วยผักชี เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยหรือเป็นออเดิร์ฟ
อาหารว่างไทยไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่สร้างความอิ่มอร่อย แต่ยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่บอกเล่าเรื่องราวของวิถีชีวิตและภูมิปัญญาไทยอย่างแท้จริง ทุกเมนูล้วนแฝงไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่คนรุ่นก่อนส่งต่อมายังคนรุ่นหลัง
การลองทำอาหารว่างไทยด้วยตัวเองไม่เพียงแค่ได้รสชาติอร่อย แต่ยังเป็นการเรียนรู้วิธีการทำอาหารที่ละเอียดละเมียดละไม การผสมผสานวัตถุดิบ การปรุงรส และการจัดแต่งให้สวยงาม เป็นเสน่ห์ที่ไม่มีอาหารชาติใดเหมือน
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณได้แรงบันดาลใจในการลองทำอาหารว่างไทยที่บ้าน และนำเมนูโปรดของคุณมาสร้างความทรงจำใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นสำหรับครอบครัว หรือเพื่อมอบความสุขให้กับคนรอบข้าง