สูตรอาหาร

รวม 20 เมนูต้มเค็ม พร้อมส่วนผสมและวิธีทำแบบละเอียด

เมนู ต้มเค็ม เป็นหนึ่งในอาหารไทยที่อยู่คู่ครัวเรือนไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยรสชาติที่เข้มข้น กลมกล่อม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นต้มเค็มปลา ต้มเค็มหมู หรือแม้กระทั่งต้มเค็มไข่ เมนูนี้ก็ยังคงเป็นที่นิยมในทุกยุคสมัย ความโดดเด่นของต้มเค็มอยู่ที่การใช้ส่วนผสมสดใหม่ รสชาติที่เค็มนิดหวานหน่อย และความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการปรุง

Advertisement

บทความนี้ได้รวบรวม 20 เมนูต้มเค็มหลากหลาย ที่เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดเข้าครัวหรือคนที่ทำอาหารเป็นประจำก็สามารถทำตามได้ง่ายๆ แต่ละเมนูจะมาพร้อมกับส่วนผสมที่หาได้ง่ายในท้องตลาด และขั้นตอนการทำที่ละเอียดครบถ้วน

ไม่เพียงเท่านั้น เรายังมีเคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อทำให้เมนูต้มเค็มของคุณอร่อยไม่แพ้ร้านอาหารชื่อดัง อ่านแล้วทำตามได้ทันที เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปค้นหาเมนูโปรดที่คุณอยากลองทำกันเลย

ปลาตะเพียนต้มเค็ม

ปลาตะเพียนต้มเค็มเป็นหนึ่งในเมนูอาหารไทยที่หลายคนรู้จักและชื่นชอบ ด้วยรสชาติที่หวานเค็มกลมกล่อม และการใช้วัตถุดิบง่ายๆ ที่หาได้ในครัวไทย เมนูนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอาหารจานโปรดที่แสดงถึงความเป็นไทยอย่างแท้จริง

ส่วนผสม

  1. ปลาตะเพียนสด 4 ตัว (ประมาณ 1 กิโลกรัม)
  2. น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ถ้วย
  3. น้ำปลา 1/4 ถ้วย
  4. เกลือ 1 ช้อนชา
  5. กระเทียม 10 กลีบ (บุบพอแตก)
  6. หอมแดง 5 หัว (บุบพอแตก)
  7. ขิงหั่นแว่น 10 ชิ้น
  8. ใบมะกรูด 4 ใบ
  9. ตะไคร้ 2 ต้น (หั่นเป็นท่อน)
  10. น้ำเปล่า 3 ถ้วย
  11. น้ำมันพืชเล็กน้อยสำหรับทอดปลา

วิธีทำ

  1. เตรียมปลา: ล้างปลาตะเพียนให้สะอาด ขอดเกล็ดและเอาไส้ออก จากนั้นล้างด้วยน้ำเกลือเพื่อลดกลิ่นคาว และซับให้แห้ง
  2. ทอดปลา: ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ใช้ไฟกลาง ทอดปลาตะเพียนพอเหลืองทั้งสองด้าน ระวังอย่าให้ปลาสุกจนเกินไป จากนั้นนำขึ้นพักไว้
  3. ทำน้ำซอส: ตั้งหม้อใส่น้ำเปล่า น้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา และเกลือ คนให้ละลาย ใส่กระเทียม หอมแดง ขิง ใบมะกรูด และตะไคร้ลงไป ต้มจนน้ำซอสเดือดและหอม
  4. ต้มปลา: นำปลาตะเพียนที่ทอดแล้วใส่ลงในหม้อน้ำซอส ใช้ไฟอ่อน ต้มประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยคอยหมั่นช้อนฟองออกเพื่อให้น้ำซอสใส
  5. จัดจาน: เมื่อน้ำซอสซึมเข้าเนื้อปลาและมีลักษณะเหนียว ตักปลาตะเพียนต้มเค็มใส่จาน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

ปลาทูต้มเค็มหวาน

ปลาทูต้มเค็มหวานเป็นหนึ่งในเมนูพื้นบ้านของไทยที่มีรสชาติอร่อยกลมกล่อม ด้วยส่วนผสมที่เรียบง่ายและขั้นตอนการทำที่ไม่ซับซ้อน แต่กลับให้รสชาติที่หอมหวานและเค็มอย่างลงตัว เมนูนี้เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ

ส่วนผสม

  1. ปลาทูสด 4 ตัว
  2. น้ำสะอาด 3 ถ้วย
  3. น้ำตาลมะพร้าว 3 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
  5. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. กระเทียมทุบ 5 กลีบ
  7. หอมแดงทุบ 3 หัว
  8. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
  9. ใบมะกรูด 3 ใบ
  10. ขิงหั่นแว่น 4 ชิ้น
  11. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. เตรียมปลาทูและส่วนผสม: ล้างปลาทูให้สะอาด ควักไส้และขอดเกล็ดออก จากนั้นพักให้สะเด็ดน้ำ
  2. ทำน้ำซุป: ใส่น้ำสะอาดในหม้อ ตั้งไฟกลาง ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา ซีอิ๊วดำ กระเทียม หอมแดง พริกไทยเม็ด และขิงลงไป คนให้ส่วนผสมละลาย
  3. ใส่ปลาทู: เมื่อน้ำซุปเริ่มเดือด ใส่ปลาทูลงในหม้อ ลดไฟให้อ่อน และต้มต่อประมาณ 30 นาที เพื่อให้น้ำซุปซึมเข้าเนื้อปลา
  4. ปรุงรสเพิ่มเติม: ใส่น้ำมะขามเปียกและใบมะกรูด คนเบา ๆ ชิมรสตามชอบ ถ้าต้องการรสหวานเพิ่มสามารถเติมน้ำตาลมะพร้าวได้
  5. เคี่ยวจนสุก: ต้มต่ออีก 10 นาที ปล่อยให้น้ำซุปงวดลงเล็กน้อย จากนั้นปิดไฟ
  6. จัดเสิร์ฟ: ตักปลาทูต้มเค็มหวานใส่จาน เสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ

หมูสามชั้นต้มเค็ม

หมูสามชั้นต้มเค็มเป็นเมนูที่คุ้นเคยในครัวเรือนไทย รสชาติกลมกล่อม หอมหวานเค็มที่ได้จากการต้มหมูสามชั้นกับซอสปรุงรสและเครื่องเทศต่างๆ ทำให้อาหารจานนี้เป็นที่นิยมทั้งในครอบครัวและงานเลี้ยงต่างๆ

ส่วนผสม

  1. หมูสามชั้น 500 กรัม (หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ)
  2. กระเทียม 5-6 กลีบ (บุบพอแตก)
  3. รากผักชี 2 ราก (ล้างสะอาดและบุบ)
  4. ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
  5. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
  6. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  7. เกลือ 1 ช้อนชา
  8. น้ำเปล่า 3 ถ้วย
  9. ใบมะกรูด 2 ใบ (ฉีก)
  10. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา (บุบ)

วิธีทำ

  1. เตรียมวัตถุดิบ: ล้างหมูสามชั้นให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เตรียมกระเทียม รากผักชี และพริกไทยเม็ด
  2. คาราเมลน้ำตาล: ตั้งหม้อด้วยไฟกลาง ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปผัดจนละลายและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ใส่น้ำเล็กน้อยเพื่อป้องกันการไหม้
  3. ต้มหมู: ใส่หมูสามชั้นลงในหม้อ ผัดให้หมูเคลือบด้วยน้ำตาลคาราเมลจนทั่ว เติมน้ำเปล่าลงไปจนท่วมหมู
  4. ปรุงรส: ใส่ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ เกลือ กระเทียม รากผักชี และพริกไทยเม็ด คนให้เข้ากัน
  5. เคี่ยว: ใช้ไฟอ่อน ต้มหมูสามชั้นประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือจนหมูเปื่อยนุ่ม ชิมรสและปรับเพิ่มซีอิ๊วหรือน้ำตาลตามชอบ
  6. เสิร์ฟ: ตักหมูสามชั้นต้มเค็มใส่จาน โรยหน้าด้วยใบมะกรูดฉีก เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

หมูสามชั้นต้มปลาเค็ม

หมูสามชั้นต้มปลาเค็มเป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่หลายคนอาจไม่คุ้นเคย แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของรสชาติที่กลมกล่อม เค็มนิด หวานหน่อย และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากปลาเค็มที่ต้มจนเปื่อย เมนูนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน และเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารที่มีรสชาติแบบดั้งเดิม

ส่วนผสม

  1. หมูสามชั้น 500 กรัม (หั่นชิ้นพอดีคำ)
  2. ปลาเค็ม 1 ชิ้น (ประมาณ 50 กรัม)
  3. กระเทียม 5 กลีบ (บุบพอแตก)
  4. หอมแดง 3 หัว (ปอกเปลือกและบุบ)
  5. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา (โขลกหยาบ)
  6. น้ำสะอาด 1 ลิตร
  7. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
  9. ต้นหอมซอยสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

  1. เตรียมวัตถุดิบ: ล้างหมูสามชั้นให้สะอาด และหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ล้างปลาเค็มให้หมดเค็มส่วนเกินแล้วพักไว้
  2. ต้มปลาเค็ม: ตั้งหม้อใส่น้ำสะอาด 1 ลิตร นำปลาเค็มลงไปต้มด้วยไฟอ่อนประมาณ 10 นาทีเพื่อดึงรสเค็มและกลิ่นหอมออกมา จากนั้นนำปลาเค็มขึ้น พักไว้
  3. ผัดกระเทียมและหอมแดง: ตั้งกระทะใส่หมูสามชั้นลงไปเจียวกับกระเทียมและหอมแดงจนมีกลิ่นหอม
  4. ต้มรวม: นำหมูสามชั้นที่เจียวแล้วใส่ลงในหม้อ ต้มกับน้ำที่ใช้ต้มปลาเค็ม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ และพริกไทยเม็ด
  5. ต้มจนเปื่อย: ใช้ไฟอ่อนต้มหมูสามชั้นต่ออีกประมาณ 20 นาทีจนเนื้อนุ่มและน้ำซุปเข้าเนื้อ
  6. จัดเสิร์ฟ: ตักใส่ชาม โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

ปลาหมอต้มเค็ม

ปลาหมอต้มเค็มเป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่หลายบ้านยังคงทำสืบทอดกันมา ด้วยรสชาติที่เข้มข้น หวาน เค็ม และหอมกลิ่นสมุนไพรที่อบอวล สูตรนี้เหมาะกับการทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ เป็นเมนูที่ทำง่าย ใช้ส่วนผสมไม่กี่อย่าง แต่กลับได้รสชาติที่อร่อยและซับซ้อน

ส่วนผสม

  1. ปลาหมอสด 4 ตัว (น้ำหนักประมาณ 500 กรัม)
  2. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำเปล่า 2 ถ้วย
  6. กระเทียมทุบ 5 กลีบ
  7. หอมแดงทุบ 4 หัว
  8. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา (บดหยาบ)
  9. ใบมะกรูด 4 ใบ
  10. ขิงหั่นแว่น 5 ชิ้น
  11. เกลือเล็กน้อยสำหรับล้างปลา

วิธีทำ

  1. เตรียมปลาหมอ: ล้างปลาหมอให้สะอาด ใช้เกลือถูเบาๆ เพื่อลดกลิ่นคาว จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเปล่าและพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. เตรียมน้ำปรุง: ตั้งหม้อบนไฟกลาง ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเคี่ยวจนละลายและมีกลิ่นหอม ตามด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำเปล่า คนให้เข้ากัน
  3. เพิ่มสมุนไพร: ใส่กระเทียม หอมแดง พริกไทยเม็ด ใบมะกรูด และขิงลงไปในน้ำปรุง รอให้เดือด
  4. ต้มปลา: ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน ใส่ปลาหมอลงไปเรียงในหม้อ ต้มประมาณ 30-40 นาที ระหว่างนี้คอยตักน้ำปรุงราดบนตัวปลาเป็นระยะ เพื่อให้ซึมเข้าเนื้อ
  5. ชิมรสและเสิร์ฟ: ปรุงรสเพิ่มตามชอบ ตักปลาหมอพร้อมน้ำปรุงใส่จาน เสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อนๆ

ปลาหมึกต้มเค็ม

ปลาหมึกต้มเค็มเป็นเมนูโบราณที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการผสมผสานระหว่างความหวานและเค็มที่ลงตัว เมนูนี้ได้รับความนิยมมาช้านานในครัวไทย โดยเฉพาะในครอบครัวที่ชื่นชอบอาหารไทยสไตล์ดั้งเดิม ความโดดเด่นอยู่ที่การใช้ปลาหมึกสดและเครื่องปรุงรสที่เข้มข้น ทำให้ทุกคำที่รับประทานเต็มไปด้วยความกลมกล่อม

ส่วนผสม

  1. ปลาหมึกสด (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ) 500 กรัม
  2. น้ำตาลมะพร้าว 3 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำเปล่า 2 ถ้วย
  5. กระเทียมบุบ 5 กลีบ
  6. หอมแดงบุบ 3 หัว
  7. ใบมะกรูด 2 ใบ
  8. พริกไทยเม็ดบุบ 1 ช้อนชา
  9. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผัดเครื่องปรุง)

วิธีทำ

  1. เตรียมปลาหมึก: ล้างปลาหมึกให้สะอาดและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. ผัดเครื่องปรุง: ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืช รอจนร้อน จากนั้นใส่กระเทียม หอมแดง และพริกไทยเม็ดลงไป ผัดจนมีกลิ่นหอม
  3. ต้มเคี่ยว: เติมน้ำเปล่าลงในกระทะ ตามด้วยน้ำตาลมะพร้าวและน้ำปลา คนให้น้ำตาลละลาย
  4. ใส่ปลาหมึก: ใส่ปลาหมึกที่เตรียมไว้ลงในน้ำต้ม เคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 20-25 นาที จนปลาหมึกนุ่มและน้ำซอสซึมเข้าเนื้อ
  5. เพิ่มความหอม: ใส่ใบมะกรูดฉีกลงไปในขั้นตอนสุดท้าย คนให้เข้ากัน ปิดไฟ พร้อมเสิร์ฟ

ต้มเค็มเห็ดฝางกับน้ำพริกข่าทางเหนือ

ต้มเค็มเห็ดฝางกับน้ำพริกข่าเป็นเมนูพื้นบ้านที่มีรสชาติหอมอร่อยและอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เห็ดฝางมีรสหวานธรรมชาติและเนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบ เข้ากันได้ดีกับกลิ่นหอมของข่าและน้ำพริกข่าที่เป็นเอกลักษณ์ของอาหารภาคเหนือ

ส่วนผสม

  1. เห็ดฝาง 200 กรัม (ล้างสะอาดและหั่นครึ่ง)
  2. ข่า 3-4 แว่น (หั่นเป็นชิ้นบาง)
  3. น้ำพริกข่า 2 ช้อนโต๊ะ
  4. ตะไคร้ 2 ต้น (ทุบและหั่นเป็นท่อน)
  5. ใบมะกรูด 3 ใบ (ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ)
  6. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  7. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  8. น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนชา
  9. น้ำเปล่า 4 ถ้วย
  10. พริกขี้หนูสวน 5-6 เม็ด (ตำหยาบ)
  11. ผักชีฝรั่งซอยสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

  1. เตรียมน้ำซุป: ตั้งหม้อใส่น้ำเปล่าบนไฟกลางจนเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดลงไป ต้มประมาณ 5 นาทีจนกลิ่นหอม
  2. ปรุงรส: เติมน้ำพริกข่า น้ำปลา เกลือ และน้ำตาลปี๊บ คนให้ละลายเข้ากันดี
  3. ใส่เห็ดฝาง: ใส่เห็ดฝางลงไปในหม้อ ต้มประมาณ 7-10 นาที หรือจนเห็ดสุกนุ่ม
  4. เพิ่มพริก: ใส่พริกขี้หนูสวนที่ตำไว้ลงไป คนเบาๆ แล้วต้มต่ออีก 1-2 นาที
  5. จัดเสิร์ฟ: ตักใส่ชาม โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่ง เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ หรือข้าวเหนียวตามชอบ

กุ้งต้มเค็ม

@nhoohew

เมนู : กุ้งต้มเค็ม 🦐 
🥦วัตถุดิบ: กุ้งทะเล
🥘เครื่องปรุง: น้ำตาลมะพร้าว เกลือ ส้มมะขาม #หนูหิว #กุ้ง #อร่อย #อาหารไทย #อาหารทําเอง #fyp #ห้องครัวtiktok #thaifood

♬ เสียงต้นฉบับ – Pimrypie – Pimrypie

กุ้งต้มเค็มเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยที่ได้รับความนิยม เพราะมีวิธีทำที่ไม่ยุ่งยาก ใช้ส่วนผสมน้อย แต่ให้รสชาติที่เข้มข้นกลมกล่อม เหมาะสำหรับทุกมื้ออาหาร ไม่ว่าจะทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือเป็นกับข้าวในสำรับครอบครัวก็ตอบโจทย์

ส่วนผสม

  1. กุ้งสดขนาดกลาง 300 กรัม (ล้างและตัดหนวดออก)
  2. น้ำสะอาด 1 ถ้วย
  3. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
  5. กระเทียมบุบ 3 กลีบ
  6. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา (ตำหยาบ)
  7. ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ (ไม่ใส่ก็ได้)
  8. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  9. เกลือเล็กน้อย (สำหรับปรุงรสเพิ่มถ้าจำเป็น)

วิธีทำ

  1. เตรียมวัตถุดิบ: ล้างกุ้งให้สะอาด ตัดหนวดและแกะเปลือกเฉพาะส่วนที่ต้องการ พร้อมเตรียมกระเทียมและพริกไทย
  2. ตั้งน้ำซุป: ใส่น้ำสะอาดลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง รอให้น้ำเริ่มร้อน ใส่กระเทียมและพริกไทยตำลงไป
  3. ปรุงรสชาติ: เติมน้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว และน้ำมันหอยลงในหม้อ คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี รอให้น้ำเดือด
  4. ใส่กุ้ง: ใส่กุ้งลงในหม้อ ต้มจนกุ้งสุกและเปลี่ยนเป็นสีส้มสวย (ประมาณ 3-5 นาที)
  5. เพิ่มความหอม: ใส่ใบมะกรูดฉีกลงไปในขั้นตอนสุดท้าย คนเล็กน้อย ปิดไฟและยกลงจากเตา
  6. จัดเสิร์ฟ: ตักกุ้งต้มเค็มใส่จาน เสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือเป็นเมนูเคียงในสำรับก็อร่อย

ขาหมูต้มเค็มหวาน

ขาหมูต้มเค็มหวานเป็นเมนูอาหารไทยที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องรสชาติและกลิ่นหอมของสมุนไพร ซึ่งเข้ากันได้ดีกับข้าวสวยร้อนๆ หรือแม้กระทั่งข้าวเหนียว การทำขาหมูต้มเค็มหวานไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่หลายคนคิด หากคุณมีสูตรที่ถูกต้องและทำตามขั้นตอนที่เหมาะสม คุณจะได้ขาหมูที่ทั้งนุ่มและชุ่มด้วยรสชาติที่เข้มข้น

ส่วนผสม

  1. ขาหมูขนาดกลาง 1 ขา (ประมาณ 1.5 กิโลกรัม)
  2. น้ำเปล่า 6 ถ้วย
  3. ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
  4. ซีอิ๊วดำหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
  6. กระเทียมทุบ 5-6 กลีบ
  7. รากผักชีทุบ 2-3 ราก
  8. อบเชย 1 แท่ง
  9. โป๊ยกั๊ก 2-3 ดอก
  10. เกลือ 1 ช้อนชา
  11. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา (บดหยาบ)
  12. ผักชีสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

  1. เตรียมวัตถุดิบ: ทำความสะอาดขาหมูด้วยการล้างน้ำและขูดผิวให้สะอาด จากนั้นล้างให้สะอาดอีกครั้งแล้วพักไว้
  2. ต้มน้ำและเคี่ยวสมุนไพร: ตั้งหม้อใส่น้ำเปล่า ใช้ไฟกลาง ใส่กระเทียม รากผักชี อบเชย โป๊ยกั๊ก และพริกไทยเม็ดลงไป เคี่ยวให้กลิ่นหอมประมาณ 10 นาที
  3. เพิ่มขาหมูและปรุงรส: ใส่ขาหมูลงไปในหม้อ ตามด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำหวาน น้ำตาลปี๊บ และเกลือ คนให้ส่วนผสมละลาย ปิดฝาแล้วลดไฟลงเป็นไฟอ่อน
  4. เคี่ยวจนขาหมูนุ่ม: เคี่ยวขาหมูด้วยไฟอ่อนประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจนเนื้อขาหมูนุ่มและรสชาติซึมเข้าไปในเนื้อ ระหว่างเคี่ยวให้หมั่นตักฟองออกเพื่อให้น้ำซุปใส
  5. จัดจานและเสิร์ฟ: ตักขาหมูขึ้นจากหม้อ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จัดใส่จาน ราดด้วยน้ำซุปที่เคี่ยว โรยหน้าด้วยผักชี เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

หมูต้มเค็ม

@tonichimchim

ไม่ใช่พะโล้นะ! เรียกฉันว่า”หมูต้มเค็ม” สูตรเชฟป้อม #tiktokพากิน #tiktokuni #tiktokfood #mukbang #foodie #tiktokcook #tiktokuniverisity

♬ healthy food – cooking

หมูต้มเค็มเป็นหนึ่งในเมนูอาหารไทยที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยรสชาติที่ลึกซึ้ง โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความกลมกล่อมจากการต้มหมูจนเนื้อนุ่ม พร้อมกลิ่นหอมของเครื่องเทศและสมุนไพรที่ซึมลึกลงไปในเนื้อหมู เมนูนี้เหมาะกับการรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือจะเก็บไว้เป็นเมนูสำหรับแบ่งปันในมื้ออาหารครอบครัวก็ยอดเยี่ยม

ส่วนผสม

  1. หมูสามชั้น 500 กรัม (หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ)
  2. กระเทียม 10 กลีบ (ทุบพอแตก)
  3. หอมแดง 5 หัว (ปอกเปลือก)
  4. รากผักชี 3 ราก (ล้างสะอาด)
  5. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา (ทุบหยาบ)
  6. ซอสถั่วเหลือง 3 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  8. เกลือ 1 ช้อนชา
  9. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  10. น้ำสะอาด 4 ถ้วย
  11. ไข่ต้ม 4 ฟอง (ไม่บังคับ)

วิธีทำ

  1. เตรียมหมูสามชั้น: ล้างหมูสามชั้นให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ พักไว้
  2. ต้มเครื่องปรุงเบื้องต้น: ตั้งหม้อใส่น้ำสะอาด ใส่กระเทียม หอมแดง รากผักชี และพริกไทยเม็ดลงไป ต้มด้วยไฟกลางจนเริ่มมีกลิ่นหอม
  3. ปรุงรสและใส่หมู: ใส่หมูสามชั้นลงในหม้อ ตามด้วยซอสถั่วเหลือง น้ำตาลปี๊บ เกลือ และน้ำปลา คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี
  4. ต้มหมูจนเนื้อนุ่ม: ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน ต้มประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยระหว่างนั้นคอยช้อนฟองออก เพื่อให้น้ำซุปใสและไม่ขุ่น
  5. เพิ่มไข่ต้ม (ถ้าต้องการ): หลังจากหมูเริ่มนุ่ม สามารถใส่ไข่ต้มลงไปต้มต่ออีกประมาณ 10 นาที เพื่อให้ไข่ดูดซับรสชาติของน้ำซุป
  6. เสิร์ฟ: ตักหมูต้มเค็มใส่ชาม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ และผักสด เช่น แตงกวาหรือผักกาดขาว

ต้มเค็มฟักกับซี่โครงหมู

ต้มเค็มฟักกับซี่โครงหมูเป็นเมนูที่หลายคนคุ้นเคย ด้วยความกลมกล่อมจากน้ำซุปหอมหวาน ซี่โครงหมูนุ่มๆ และฟักที่อ่อนละมุน เมนูนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบอาหารจานที่อิ่มท้องและรสชาติแบบบ้านๆ แต่ยังคงความซับซ้อนของรสชาติไว้อย่างลงตัว

ส่วนผสม

  1. ซี่โครงหมู 500 กรัม (ล้างสะอาดและหั่นเป็นชิ้น)
  2. ฟัก 1 ลูก (ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ)
  3. กระเทียม 4 กลีบ (ทุบ)
  4. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา (บุบหยาบ)
  5. รากผักชี 2 ราก (ล้างสะอาดและทุบ)
  6. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  7. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
  8. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  9. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  10. น้ำเปล่า 6 ถ้วย
  11. ต้นหอมซอยสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

  1. เตรียมซุป: ตั้งหม้อบนไฟกลาง ใส่น้ำเปล่าลงไป 6 ถ้วย ใส่รากผักชี กระเทียม และพริกไทยเม็ดลงไป รอจนเดือด
  2. ใส่ซี่โครงหมู: ใส่ซี่โครงหมูที่เตรียมไว้ลงในหม้อ ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน ต้มจนซี่โครงเริ่มนุ่ม (ประมาณ 30 นาที) และช้อนฟองที่ลอยขึ้นเพื่อให้น้ำซุปใส
  3. ปรุงรส: ใส่น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว และเกลือป่น คนให้เข้ากัน ชิมรสและปรับตามความชอบ
  4. ใส่ฟัก: เพิ่มฟักที่หั่นไว้ลงในหม้อ ต้มต่ออีก 15 นาทีจนฟักนุ่มและซึมซับรสชาติ
  5. จัดเสิร์ฟ: ตักต้มเค็มฟักกับซี่โครงหมูใส่ชาม โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

ปลาโอต้มเค็ม

@thirawan4545

ปล่อยนะคะสำหรับเมนูนี้ปลาโอต้มหวาน หรือปลาโอต้มเค็มใครชอบหวานก็ทำเป็นต้มหวานใครชอบรสเค็มก็เป็นปลาโอต้มเค็มแล้วแต่ชอบได้เลยค่ะ#CapCut#ปลาโอต้มหวาน#ปลาโอต้มเค็ม#อาหารท้องถิ่น #อาหารพื้นบ้าน #ภาคใต้บ้านฉัน #ทําอาหารกินเองง่ายๆ #ห้องครัวtiktok #อาหารง่ายๆใครๆก็ทําได้ #เมนูแนะ

♬ Ghibli system. A sad and beautiful ballad(87172) – 朝木春美千

ปลาโอต้มเค็มเป็นหนึ่งในอาหารไทยที่มีชื่อเสียงด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ความเค็มและความหวานจากน้ำต้มที่ซึมเข้าเนื้อปลาทำให้เมนูนี้กลายเป็นที่ชื่นชอบของคนไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวต้ม ก็ช่วยเพิ่มรสชาติของมื้ออาหารให้สมบูรณ์แบบ

ส่วนผสม

  1. ปลาโอสด 2 ตัว (ประมาณ 500 กรัม)
  2. น้ำสะอาด 3 ถ้วย
  3. น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  5. เกลือ 1 ช้อนชา
  6. กระเทียมบุบ 5 กลีบ
  7. หอมแดงบุบ 3 หัว
  8. ใบมะกรูด 3 ใบ
  9. ตะไคร้ทุบ 2 ต้น
  10. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
  11. น้ำมันพืชเล็กน้อย (สำหรับเคลือบกระทะ)

วิธีทำ

  1. เตรียมปลาโอ: ล้างปลาโอให้สะอาดและขอดเกล็ดออก (หากมี) จากนั้นผ่าท้องเพื่อเอาไส้ออก ล้างซ้ำด้วยน้ำเกลือเบา ๆ และพักให้สะเด็ดน้ำ
  2. ตั้งน้ำต้มเค็ม: ใส่น้ำสะอาดในหม้อและตั้งไฟกลาง ใส่กระเทียม หอมแดง ใบมะกรูด ตะไคร้ และพริกไทยเม็ดลงไป ต้มจนเดือด
  3. ปรุงรส: ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา และเกลือลงในหม้อน้ำ ต้มต่อจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี
  4. ใส่ปลา: นำปลาโอที่เตรียมไว้ใส่ลงในหม้อ ลดไฟเป็นไฟอ่อน ปิดฝาและเคี่ยวปลาประมาณ 1 ชั่วโมง ให้เนื้อปลาซึมซับน้ำต้มจนเข้าเนื้อ
  5. เช็กความอร่อย: ชิมรสชาติน้ำต้ม หากต้องการเพิ่มความเค็มหรือหวานสามารถปรุงเพิ่มได้ จากนั้นปิดไฟ
  6. เสิร์ฟ: ตักปลาใส่จาน ราดด้วยน้ำต้มเค็มที่เข้มข้น เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ

ไก่ต้มเค็ม

ไก่ต้มเค็มเป็นเมนูที่อยู่คู่ครัวไทยมานาน ด้วยรสชาติที่เข้มข้น หอมหวานเค็มกลมกล่อมจากเครื่องปรุง และเนื้อไก่ที่นุ่มละลายในปาก ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่ความเรียบง่ายในการทำ และเหมาะกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ในครัวหรือผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารโบราณ

ส่วนผสม

  1. เนื้อไก่ 1 กิโลกรัม (สามารถใช้ส่วนสะโพก น่อง หรืออกไก่ตามชอบ)
  2. น้ำเปล่า 3 ถ้วย
  3. ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
  4. ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  7. กระเทียมบุบ 5 กลีบ
  8. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา (บุบหยาบ)
  9. ใบมะกรูด 3 ใบ
  10. ตะไคร้ทุบ 2 ต้น
  11. ขิงหั่นแว่น 5 ชิ้น
  12. หอมแดงบุบ 3 หัว

วิธีทำ

  1. เตรียมวัตถุดิบ: ล้างเนื้อไก่ให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ บุบทุบเครื่องเทศ เช่น กระเทียม พริกไทย ตะไคร้ และหอมแดง
  2. ต้มน้ำซุป: ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ตั้งไฟกลางจนเดือด ใส่กระเทียม พริกไทย ตะไคร้ ขิง หอมแดง และใบมะกรูดลงไป เคี่ยวให้มีกลิ่นหอม
  3. ปรุงรส: เติมซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ คนให้ละลายดี
  4. ต้มไก่: ใส่เนื้อไก่ลงไปในหม้อ ปรับไฟอ่อน ปิดฝา และเคี่ยวต่อประมาณ 40 นาที หรือจนกว่าเนื้อไก่จะนุ่มและรสชาติซึมเข้าเนื้อ
  5. จัดจาน: ตักไก่ต้มเค็มใส่จานเสิร์ฟ พร้อมราดน้ำซุปที่เคี่ยวไว้ เสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อนๆ

มะระต้มเค็มเกี่ยมฉ่าย

@madametuang

มะระต้มเค็มเกี่ยมฉ่าย #สูตรอาม่า พร้อมเทคนิคการเลือกมะระขมน้อย #ตวงตั้งเตา #มะระต้มเค็ม #แต้จิ๋ว

♬ original sound – มาดามตวง – มาดามตวง

มะระต้มเค็มเกี่ยมฉ่ายเป็นเมนูอาหารไทยที่มีรสชาติกลมกล่อมและดีต่อสุขภาพ โดยมีมะระเป็นวัตถุดิบหลักที่ช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยรสชาติที่ลงตัวระหว่างความเค็มของเกี่ยมฉ่ายและความนุ่มของมะระ เมนูนี้เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบอาหารรสอ่อน

ส่วนผสม

  1. มะระ 2 ลูก (ขนาดกลาง)
  2. เกี่ยมฉ่าย 200 กรัม (ล้างสะอาดและหั่นชิ้นพอดีคำ)
  3. หมูสามชั้น 150 กรัม (หั่นชิ้นบาง)
  4. กระเทียม 5 กลีบ (ทุบ)
  5. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
  6. น้ำซุปกระดูกหมู 1 ลิตร
  7. ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
  8. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  9. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  10. เกลือ 1 ช้อนชา
  11. ต้นหอมซอยสำหรับโรยหน้า (ไม่บังคับ)

วิธีทำ

  1. เตรียมมะระ: ผ่ามะระออกเป็นครึ่งลูกตามยาว คว้านเอาเมล็ดและไส้ออกให้หมด หั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 2 นิ้ว จากนั้นแช่มะระในน้ำเกลือประมาณ 15 นาที เพื่อลดความขม แล้วล้างน้ำสะอาดและพักไว้
  2. ผัดหมูและเกี่ยมฉ่าย: ตั้งกระทะใส่หมูสามชั้น ผัดจนหมูเริ่มมีสีเหลือง ใส่กระเทียมและพริกไทยเม็ดลงไป ผัดให้มีกลิ่นหอม แล้วใส่เกี่ยมฉ่ายลงผัดต่อจนเข้ากันดี
  3. ต้มซุป: ใส่น้ำซุปกระดูกหมูลงในหม้อ ตั้งไฟจนเดือด ใส่ส่วนผสมหมูและเกี่ยมฉ่ายที่ผัดไว้ลงไป
  4. ใส่มะระและปรุงรส: ใส่มะระลงในหม้อ ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้เข้ากัน ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน ปิดฝาและเคี่ยวประมาณ 30-40 นาที จนมะระนุ่มและรสชาติซึมเข้าเนื้อ
  5. จัดเสิร์ฟ: ตักมะระต้มเค็มเกี่ยมฉ่ายใส่ชาม โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย พร้อมเสิร์ฟร้อนๆ กับข้าวสวย

ขาไก่ต้มเค็ม

@jaoying41

กับข้าวกับญ ขาไก่ต้มน้ำดำเค็มๆหวานๆทานคู่กับน้ำพริกเกลือคือดีมากค่ะ😍

♬ เสียงต้นฉบับ – ธิติมา สร้อยเงิน – กับข้าวกับญ

ขาไก่ต้มเค็มเป็นหนึ่งในเมนูอาหารไทยโบราณที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องเทศ และความนุ่มละมุนของขาไก่ที่ผ่านการตุ๋นอย่างพิถีพิถัน เมนูนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารรสชาติหนักแน่นและเป็นเอกลักษณ์

ส่วนผสม

  1. ขาไก่ 500 กรัม (ล้างให้สะอาดและตัดเล็บออก)
  2. น้ำเปล่า 1 ลิตร
  3. ซอสถั่วเหลือง 3 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. กระเทียมทุบ 5 กลีบ
  7. พริกไทยดำเม็ด 1 ช้อนชา
  8. โป๊ยกั๊ก 2 ดอก
  9. อบเชย 1 แท่ง
  10. รากผักชี 2 ต้น (ล้างสะอาด)
  11. ขิงหั่นแว่น 4-5 ชิ้น
  12. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. เตรียมวัตถุดิบ: ล้างขาไก่ให้สะอาด ตัดเล็บออก แล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ เตรียมเครื่องเทศทั้งหมดให้พร้อม
  2. ผัดเครื่องเทศ: ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช ใช้ไฟกลาง ใส่กระเทียม พริกไทยดำเม็ด รากผักชี ขิง โป๊ยกั๊ก และอบเชย ผัดจนหอม
  3. ต้มน้ำซุป: ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ตามด้วยเครื่องเทศที่ผัดไว้ ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากัน
  4. ตุ๋นขาไก่: ใส่ขาไก่ลงในหม้อ ต้มด้วยไฟแรงจนเดือด จากนั้นลดเป็นไฟอ่อน ปิดฝาแล้วตุ๋นประมาณ 90 นาที หรือจนขาไก่นุ่ม
  5. จัดจานและเสิร์ฟ: ตักขาไก่ต้มเค็มใส่ชาม โรยหน้าด้วยพริกไทยป่นเล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

ต้มเค็มหัวปลาแซลมอน

@samhuixiong_

หัวปลาแซลมอนต้มเค็ม

♬ บุฟเฟ่ต์แซลมอน (Buffet Salmon) – KWA

ต้มเค็มหัวปลาเป็นเมนูอาหารไทยที่มีรสชาติกลมกล่อม หวาน เค็ม และหอมสมุนไพร โดยเฉพาะเมื่อใช้หัวปลาแซลมอนที่มีเนื้อแน่นและมันอร่อยเข้ากันได้ดี เมนูนี้เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้อเย็นที่บ้านหรือมื้ออาหารที่ต้องการความประทับใจ

ส่วนผสม

  1. หัวปลาแซลมอน 1 หัว (ประมาณ 500 กรัม)
  2. ขิงแก่หั่นแว่น 10 แว่น
  3. กระเทียมบุบ 5 กลีบ
  4. หอมแดงบุบ 5 หัว
  5. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
  6. ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
  7. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  9. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
  10. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  11. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  12. น้ำเปล่า 4 ถ้วย
  13. ต้นหอมและผักชีซอยสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

  1. เตรียมหัวปลาแซลมอน: ล้างหัวปลาแซลมอนให้สะอาด แล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำใบมะกรูดฉีกและขิงเตรียมไว้สำหรับต้ม
  2. ตั้งน้ำซุป: ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ต้มให้เดือด ใส่ขิง หอมแดง กระเทียม และพริกไทยเม็ดลงไป เคี่ยวด้วยไฟกลางประมาณ 5 นาทีเพื่อให้น้ำซุปมีกลิ่นหอม
  3. ใส่หัวปลาและปรุงรส: ใส่หัวปลาแซลมอนลงในน้ำซุป ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว และน้ำปลา คนให้เข้ากัน ต้มด้วยไฟกลางต่ออีก 10 นาที
  4. เพิ่มรสชาติและตกแต่ง: ใส่ใบมะกรูดฉีกและปรับรสชาติตามชอบ เคี่ยวอีก 5 นาที ปิดไฟ แล้วโรยหน้าด้วยต้นหอมและผักชี
  5. จัดเสิร์ฟ: ตักต้มเค็มหัวปลาแซลมอนใส่ชาม พร้อมเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อน ๆ

ต้มเค็มปลาซาบะ

ต้มเค็มปลาซาบะเป็นเมนูอาหารพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมจากความเรียบง่ายและรสชาติที่อร่อยเข้มข้น เหมาะสำหรับคนที่มองหาอาหารจานหลักที่ไม่ซับซ้อน วัตถุดิบหาได้ง่ายจากตลาดและขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก เมนูนี้เป็นที่รู้จักดีในหลายครัวเรือน และเหมาะกับการเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

ส่วนผสม

  1. ปลาซาบะสด 2 ตัว (ประมาณ 500 กรัม)
  2. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
  5. ขิงหั่นแว่น 5 ชิ้น
  6. กระเทียมบุบ 4-5 กลีบ
  7. หอมแดงบุบ 3-4 หัว
  8. ใบมะกรูด 3 ใบ
  9. พริกไทยเม็ดบุบ 1 ช้อนชา
  10. น้ำเปล่า 3 ถ้วย
  11. เกลือเล็กน้อย (สำหรับล้างปลา)

วิธีทำ

  1. เตรียมปลา: ล้างปลาซาบะด้วยน้ำเกลือให้สะอาด เพื่อลดกลิ่นคาว หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ และพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. ต้มน้ำซุป: ตั้งหม้อใส่น้ำเปล่า ใช้ไฟกลาง ใส่ขิง กระเทียม หอมแดง ใบมะกรูด และพริกไทยเม็ดลงไป ต้มจนน้ำเริ่มมีกลิ่นหอม
  3. ปรุงรส: ใส่น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียกลงในหม้อ คนให้เครื่องปรุงละลายและน้ำซุปเข้ากันดี
  4. ใส่ปลา: นำปลาซาบะที่เตรียมไว้ลงในหม้อ ลดเป็นไฟอ่อน ต้มต่อประมาณ 20-30 นาที เพื่อให้ปลาสุกและน้ำซุปซึมเข้าเนื้อปลา
  5. ชิมและปรับรส: ชิมน้ำซุป หากต้องการรสชาติเข้มข้นขึ้น สามารถเพิ่มน้ำปลา น้ำตาล หรือมะขามเปียกตามชอบ
  6. จัดเสิร์ฟ: ตักต้มเค็มปลาซาบะใส่ชาม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

ต้มเค็มเห็ดฟาง

ต้มเค็มเห็ดฟางเป็นหนึ่งในเมนูพื้นบ้านที่มีรสชาติกลมกล่อมและเข้มข้น เหมาะสำหรับทั้งครอบครัว ไม่เพียงแต่อร่อยแต่ยังดีต่อสุขภาพ เห็ดฟางซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เช่น โปรตีนและไฟเบอร์ อีกทั้งยังหาซื้อได้ง่ายในตลาดทั่วไป

ส่วนผสม

  1. เห็ดฟาง 300 กรัม (ล้างสะอาดและผ่าครึ่ง)
  2. หมูสามชั้นหั่นชิ้นบาง 100 กรัม (หรือใช้โปรตีนทางเลือก เช่น เต้าหู้)
  3. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. หอมแดง 3 หัว (ซอยบาง)
  5. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
  6. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  8. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
  9. น้ำเปล่า 3 ถ้วย
  10. ผักชีซอยสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ

  1. เตรียมวัตถุดิบ: ล้างเห็ดฟางให้สะอาด ผ่าครึ่งหรือหั่นชิ้นพอดีคำ ซอยหอมแดงและสับกระเทียม เตรียมหมูสามชั้นหรือวัตถุดิบโปรตีนที่เลือกไว้
  2. ตั้งน้ำซุป: ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ใช้ไฟกลาง ใส่กระเทียมและหอมแดงลงไปต้มจนมีกลิ่นหอม
  3. ปรุงรส: ใส่หมูสามชั้นลงไปในหม้อ ต้มจนหมูเริ่มสุก จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกไทย และซีอิ๊วดำ คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี
  4. ใส่เห็ดฟาง: ใส่เห็ดฟางลงในน้ำซุป ต้มต่ออีกประมาณ 10 นาที หรือจนเห็ดฟางนุ่มและซึมซับรสชาติ
  5. ตกแต่งและเสิร์ฟ: ปิดไฟ ตักซุปใส่ชาม โรยหน้าด้วยผักชีซอย เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมข้าวสวยหรือรับประทานเปล่า ๆ ก็อร่อย

ปลาตะลุมพุกต้มเค็ม

ปลาตะลุมพุกต้มเค็มเป็นอาหารไทยโบราณที่มักจะพบในสำรับอาหารไทยตั้งแต่สมัยก่อน ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่รสชาติหวาน เค็ม และกลิ่นหอมจากเครื่องปรุงที่เข้ากันอย่างลงตัว นอกจากความอร่อยแล้ว ยังเป็นเมนูที่ง่ายต่อการเตรียมและเหมาะสำหรับทุกมื้ออาหาร

ส่วนผสม

  1. ปลาตะลุมพุก 2 ตัว (ประมาณ 500 กรัม)
  2. น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  4. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  7. กระเทียมบุบ 5 กลีบ
  8. พริกไทยเม็ดบุบ 1 ช้อนชา
  9. น้ำสะอาด 3 ถ้วย
  10. ขิงแก่หั่นแว่น 5 ชิ้น
  11. ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ (ไม่บังคับ)

วิธีทำ

  1. เตรียมวัตถุดิบ: ล้างปลาตะลุมพุกให้สะอาด ควักไส้ออกและล้างด้วยน้ำเกลือเพื่อดับคาว พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  2. ผสมเครื่องปรุง: ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา ซีอิ๊วขาว น้ำมะขามเปียก และเกลือลงในหม้อ คนให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำสะอาดลงไปแล้วตั้งไฟกลาง
  3. ใส่เครื่องปรุงหอม: เมื่อส่วนผสมเริ่มเดือด ใส่กระเทียม พริกไทย ขิง และใบมะกรูดลงไป คนให้เข้ากัน
  4. ใส่ปลา: วางปลาตะลุมพุกลงในหม้อ ลดไฟเป็นไฟอ่อน เคี่ยวปลาทั้งสองด้านให้สุกและซึมซับรสชาติ โดยพลิกปลาอย่างระมัดระวังไม่ให้เนื้อแตก
  5. เคี่ยวจนได้รส: เคี่ยวต่ออีกประมาณ 30 นาที หรือจนกระทั่งน้ำซอสเริ่มข้นและรสชาติเข้าเนื้อปลา ชิมรสและปรุงเพิ่มตามชอบ
  6. จัดเสิร์ฟ: ตักปลาตะลุมพุกใส่จาน ราดด้วยน้ำซอสที่เหลือ เสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ

ปลากระแหต้มเค็ม

@thaipbs

ชวนหิวด้วยปลากระแหต้มเค็มหวาน ที่ใช้เวลาต้มนานถึง 12 ชั่วโมง ใครได้ชิมเป็นต้องติดใจอย่างแน่นอน #ปลาต้มเค็ม #ปลากระแห #ปลาตะเพียนหางแดง #อาหารไทย #สูตรอาหาร #ภัตตาคารบ้านทุ่ง #ThaiPBS

♬ เสียงต้นฉบับ – Thai PBS – Thai PBS

ปลากระแหต้มเค็มเป็นหนึ่งในเมนูอาหารพื้นบ้านของไทยที่มีความเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรสชาติที่ลงตัว เมนูนี้มีต้นกำเนิดจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้การต้มเค็มเป็นวิธีการถนอมอาหาร เพื่อให้สามารถเก็บรักษาปลาไว้ได้นาน และยังคงรสชาติที่เข้มข้นไว้ได้อย่างดี

ส่วนผสม

  1. ปลากระแหสด 500 กรัม (หรือใช้ปลาน้ำจืดอื่นๆ ตามชอบ)
  2. เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  6. กระเทียมบุบ 5 กลีบ
  7. หอมแดงบุบ 3 หัว
  8. พริกไทยเม็ดบุบ 1 ช้อนชา
  9. ใบมะกรูด 5 ใบ
  10. น้ำสะอาด 2 ถ้วย

วิธีทำ

  1. เตรียมปลากระแห: ล้างปลากระแหให้สะอาด ขอดเกล็ดและควักไส้ออก จากนั้นนำไปแช่น้ำเกลือประมาณ 10 นาที เพื่อลดกลิ่นคาว
  2. ต้มส่วนผสมหลัก: ตั้งหม้อใส่น้ำสะอาดบนไฟกลาง ใส่กระเทียม หอมแดง พริกไทยเม็ด และใบมะกรูดลงไป ต้มจนมีกลิ่นหอม
  3. ปรุงรส: เติมเกลือ น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามเปียกลงในหม้อ คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี ชิมรสชาติให้ได้ความกลมกล่อม เค็มหวานและเปรี้ยวเล็กน้อย
  4. ใส่ปลา: ใส่ปลากระแหลงในหม้อ ต้มด้วยไฟอ่อนจนกว่าน้ำจะซึมเข้าเนื้อปลาและน้ำงวดลงประมาณครึ่งหนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
  5. จัดเสิร์ฟ: ตักปลากระแหต้มเค็มใส่จาน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ และผักสด เช่น แตงกวา หรือผักชี เพื่อเพิ่มความสดชื่น

เมนูต้มเค็ม ถือเป็นหนึ่งในอาหารที่ทำง่ายแต่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว การได้ลองทำเมนูหลากหลายช่วยเปิดโอกาสให้คุณได้ทดลองรสชาติและวิธีการปรุงที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มส่วนผสมหรือปรับเปลี่ยนสูตรให้เข้ากับความชอบของแต่ละบ้านได้อีกด้วย

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณลองทำเมนูต้มเค็มที่ชื่นชอบได้ไม่ยาก การได้ทำอาหารเองที่บ้านไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังสร้างความสุขให้กับครอบครัวและคนรอบตัวอีกด้วย

อย่าลืมแบ่งปันความอร่อยและความสนุกในการทำาหารให้คนรอบข้างได้สัมผัสไปพร้อมกัน เพราะอาหารที่ทำจากใจย่อมเต็มไปด้วยความอร่อยและความสุขในทุกคำที่ลิ้มลอง

Advertisement

Advertisement

Aroimak

ในฐานะนักวิจารณ์ เชื่อว่าอาหารเป็นงานศิลปะรูปแบบหนึ่ง และมุ่งมั่นที่จะเขียนบทวิจารณ์ที่ทั้งสวยงามและให้ข้อมูลแก่ผู้อ่าน บทวิจารณ์จะครอบคลุมรสชาติ คุณภาพ และราคาของอาหาร รวมถึงบรรยากาศของร้านอาหารและการบริการของพนักงาน เชื่อว่าบทวิจารณ์จะช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจได้อย่างรอบคอบเมื่อเลือกร้านอาหารที่จะไปเยือน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button