30 เมนูหมูพร้อมส่วนผสมและวิธีทำ อร่อยง่ายสำหรับทุกโอกาส
การทำอาหารเป็นทั้งงานศิลปะและกิจกรรมที่ทำให้ทุกคนในบ้านได้มารวมตัวกันอย่างมีความสุข เมนูหมูถือเป็นเมนูที่หลายคนโปรดปรานเพราะรสชาติที่อร่อยและความยืดหยุ่นในการนำมาปรุงอาหารหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง หรือทอด หมูก็สามารถทำให้อาหารจานโปรดของคุณสมบูรณ์แบบได้เสมอ
ในบทความนี้ เราได้รวบรวม 30 เมนูหมูที่อร่อยและง่ายต่อการทำ พร้อมทั้งรายละเอียดของส่วนผสมและขั้นตอนการทำอย่างละเอียด คุณจะได้พบเมนูที่เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานหลักสำหรับครอบครัว หรือเมนูพิเศษในวันสำคัญ
วัตถุดิบที่ใช้ในแต่ละเมนูหาได้ง่ายในตลาดทั่วไป พร้อมวิธีทำที่ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่เริ่มต้นทำอาหารและผู้ที่ต้องการไอเดียใหม่ในการทำเมนูหมู รับรองว่าคุณจะได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์อาหารใหม่ๆ ที่ทั้งอร่อยและน่าทาน
คอหมูย่าง
คอหมูย่างเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมทั้งในครัวเรือนและร้านอาหาร ด้วยรสชาติหอมอร่อยจากการย่าง และสัมผัสนุ่มลิ้นของเนื้อหมูส่วนคอที่ผ่านการหมักอย่างพิถีพิถัน สูตรนี้ไม่เพียงง่ายต่อการทำ แต่ยังเน้นการใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายในครัวบ้านคุณเอง
การทำคอหมูย่างให้อร่อยเหมือนร้านดังนั้น เคล็ดลับสำคัญอยู่ที่การหมักเนื้อด้วยส่วนผสมที่เข้ากันดี และการควบคุมไฟย่างให้เหมาะสม การใช้น้ำจิ้มแจ่วรสจัดจ้านเป็นตัวเสริมช่วยให้คอหมูย่างกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
ส่วนผสม
สำหรับคอหมูย่าง:
- คอหมู 500 กรัม
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
สำหรับน้ำจิ้มแจ่ว:
- น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำคอหมูย่าง
- ล้างคอหมูให้สะอาดแล้วซับให้แห้ง ใส่ลงในชามผสม เตรียมสำหรับการหมัก
- ผสมส่วนผสมหมักทั้งหมด ได้แก่ น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม น้ำตาลปี๊บ พริกไทยป่น และกระเทียมสับในชามผสม คนให้เข้ากัน เทลงบนคอหมู คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเคลือบทั่วเนื้อหมู หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือค้างคืนเพื่อรสชาติที่ดีที่สุด
- เตรียมเตาย่างหรือกระทะย่างให้ร้อนปานกลาง นำคอหมูที่หมักไว้ออกมาย่างจนสุกทั่วทั้งชิ้น ประมาณด้านละ 5-7 นาที หรือจนเนื้อหมูมีสีน้ำตาลสวย
- ผสมส่วนผสมสำหรับน้ำจิ้มแจ่วทั้งหมด ได้แก่ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย และต้นหอมซอยในชาม คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
- นำคอหมูที่ย่างเสร็จแล้วมาพักให้เย็นเล็กน้อย หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว
หมูหยอง
หมูหยองเป็นหนึ่งในของกินเล่นที่นิยมและอร่อยแบบไทยๆ เนื้อหมูกรอบนุ่ม หอมหวาน สามารถนำไปกินคู่กับข้าวต้ม โจ๊ก หรือขนมปังได้อย่างลงตัว การทำหมูหยองที่บ้านไม่ยากอย่างที่คิด เพียงเตรียมส่วนผสมและทำตามขั้นตอนที่แนะนำ คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับหมูหยองแบบสดใหม่ที่ทำเองได้ง่ายๆ
ส่วนผสม
- เนื้อหมู (ส่วนสันในหรือสะโพก) 500 กรัม
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำ
- ล้างเนื้อหมูให้สะอาด ซับให้แห้ง และหั่นเป็นชิ้นยาวบางๆ เพื่อให้ง่ายต่อการฉีกเป็นเส้นเล็กๆ
- นำหมูไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 15-20 นาทีจนเนื้อนุ่ม จากนั้นนำขึ้นมาพักไว้ให้เย็น
- ใช้มือหรือส้อมฉีกเนื้อหมูให้เป็นเส้นเล็กๆ พยายามให้มีขนาดสม่ำเสมอ
- ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง ใส่น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว น้ำปลา และน้ำเปล่าลงไป เคี่ยวจนน้ำตาลละลายหมดและซอสเริ่มข้น
- ใส่หมูที่ฉีกไว้ลงในกระทะ คลุกเคล้ากับซอสให้ทั่ว ลดไฟอ่อน เคี่ยวจนซอสซึมเข้าเนื้อหมู
- เพิ่มน้ำมันพืชเล็กน้อยในกระทะ ผัดหมูด้วยไฟอ่อนจนหมูแห้งและกรอบ ระวังอย่าให้ไหม้
- พักหมูหยองบนกระดาษซับน้ำมัน เพื่อให้หมูหยองกรอบขึ้น
หมูหวาน
หมูหวานเป็นหนึ่งในอาหารไทยยอดนิยมที่หลายคนหลงรัก ด้วยรสชาติที่หวาน หอม เค็มกลมกล่อม และสามารถทำได้ง่ายในครัวเรือน หมูหวานยังเหมาะกับการทานคู่ข้าวสวยร้อนๆ หรือข้าวเหนียว ทำให้มื้อนี้พิเศษขึ้นไปอีก หากคุณกำลังมองหาวิธีทำหมูหวานที่ง่าย อร่อย และเต็มไปด้วยรสชาติแบบไทยแท้ บทความนี้จะช่วยคุณทำให้สำเร็จแบบมืออาชีพ
หมูหวานไม่เพียงเป็นเมนูที่ทานง่าย แต่ยังสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของอาหารไทย ที่เน้นการผสมผสานรสชาติได้อย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่าในครัว เมนูนี้ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
ส่วนผสม
- เนื้อหมูสามชั้นหั่นชิ้นบาง 500 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 5 หัว
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
- ล้างเนื้อหมูสามชั้นให้สะอาด และซับให้แห้งก่อนหั่นเป็นชิ้นบางๆ เพื่อให้สุกง่ายและรสชาติซึมซาบ
- เตรียมหอมแดงซอยบางๆ และส่วนผสมทั้งหมดไว้ในที่ที่เข้าถึงง่าย
- ตั้งกระทะบนไฟอ่อน ใส่น้ำมันพืชลงไปและรอให้ร้อน
- ใส่หอมแดงซอยลงไปผัดจนหอมสุกนุ่ม จากนั้นเติมน้ำตาลปี๊บลงไป คนให้น้ำตาลละลายจนกลายเป็นซอสน้ำตาลหอม
- ใส่เนื้อหมูสามชั้นลงไปในซอสที่เตรียมไว้ ผัดให้เข้ากันจนหมูเริ่มสุก
- เติมน้ำเปล่าลงไป และปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ และน้ำปลา คนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
- ลดไฟเป็นไฟอ่อน เคี่ยวประมาณ 20 นาที หรือจนหมูนุ่มและซอสข้น
- ชิมรสชาติเพื่อปรับความหวานหรือเค็มตามความชอบ
- ตักเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อนๆ หรือข้าวเหนียว อาจเพิ่มแตงกวาและผักสดเป็นเครื่องเคียง
หมูคลุกฝุ่น
หมูคลุกฝุ่นเป็นหนึ่งในเมนูอาหารไทยที่นิยมรับประทานคู่กับข้าวเหนียวและน้ำจิ้มแจ่ว รสชาติของหมูที่ผ่านการหมักเครื่องเทศจนเข้าที่ ก่อนนำไปย่างหรือทอดจนหอมกรุ่น นับว่าเป็นรสชาติที่ครองใจคนไทยทั่วทุกภาค หากคุณกำลังมองหาเมนูที่ทั้งอร่อย ทำง่าย และถูกใจคนในครอบครัว หมูคลุกฝุ่นคือคำตอบที่ไม่ควรพลาด
ส่วนผสม
- เนื้อหมูสันคอหั่นชิ้นบาง 500 กรัม
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- ผงปาปริก้า 1 ช้อนชา
- ข้าวคั่วบด 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น (ปรับตามความเผ็ดที่ชอบ) 1 ช้อนชา
- น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
- ล้างเนื้อหมูให้สะอาด และซับให้แห้ง
- ใส่เนื้อหมูในชามผสม จากนั้นใส่กระเทียมสับ พริกไทย ผงปาปริก้า ข้าวคั่ว น้ำปลา น้ำตาล และน้ำมันหอย
- คลุกเคล้าให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากับเนื้อหมู หมักไว้ประมาณ 20 นาที เพื่อให้เครื่องปรุงซึมเข้าเนื้อ
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชให้ร้อนปานกลาง
- นำหมูที่หมักไว้มาย่างหรือทอด โดยหมั่นพลิกด้านให้เนื้อหมูสุกทั่วและมีสีน้ำตาลทอง
- ตักขึ้นจากกระทะ วางบนกระดาษซับน้ำมัน
- โรยพริกป่นหรือข้าวคั่วเพิ่มเติมตามชอบ
- เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วและข้าวเหนียวร้อนๆ
โจ๊กหมู
โจ๊กหมูเป็นอาหารเช้ายอดนิยมที่คนไทยชื่นชอบ ด้วยเนื้อโจ๊กที่เนียนนุ่ม หมูสับที่ปรุงรสกลมกล่อม และเครื่องเคียงที่หลากหลาย โจ๊กหมูเป็นเมนูที่สามารถทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่มาก เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว และยังให้สารอาหารครบถ้วน เราจะพาคุณเรียนรู้วิธีทำโจ๊กหมูในแบบที่ทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน พร้อมเคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มความอร่อยแบบร้านดัง
การทำโจ๊กหมูอาจดูเหมือนเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับบางคน แต่หากเข้าใจขั้นตอนและเตรียมวัตถุดิบให้พร้อม การทำโจ๊กหมูจะกลายเป็นเรื่องสนุก และสามารถปรับเปลี่ยนตามรสชาติที่ชื่นชอบของแต่ละคน
ส่วนผสม
- ข้าวสารหอมมะลิ 1 ถ้วย (หรือข้าวสารทั่วไป)
- น้ำเปล่า 8 ถ้วย
- หมูสับ 300 กรัม
- น้ำมันงา 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
- กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ขิงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ลวก (ตามชอบ)
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
- ล้างข้าวสารให้สะอาด ใส่ลงในหม้อ เติมน้ำ 8 ถ้วย ใช้ไฟกลาง-ต่ำ
- เคี่ยวข้าวประมาณ 20 นาที โดยหมั่นคนเพื่อไม่ให้ข้าวติดหม้อ
- เมื่อข้าวเริ่มบาน ปรับไฟอ่อนและคนต่อจนข้าวเนียนละเอียด
- ผสมหมูสับกับน้ำมันงา ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา และพริกไทยป่น คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ปั้นหมูสับเป็นก้อนเล็กๆ พอดีคำ พักไว้
- เมื่อโจ๊กเนียนละเอียด เติมเกลือและซีอิ๊วขาวที่เหลือลงไป
- ใส่หมูสับลงในหม้อโจ๊ก ต้มจนหมูสุก
- ตักโจ๊กใส่ชาม โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว ต้นหอม ขิงซอย และพริกไทยป่น
- เสิร์ฟพร้อมไข่ลวก และเครื่องเคียง เช่น ปาท่องโก๋
หมูแดดเดียว
หมูแดดเดียวเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่คนไทยคุ้นเคยและชื่นชอบ ด้วยรสชาติที่เค็มหวานพอดีและเนื้อสัมผัสที่นุ่มลิ้น ทำให้หมูแดดเดียวเป็นเมนูยอดนิยมในทุกมื้ออาหาร ไม่ว่าจะรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือเป็นกับแกล้มในโอกาสต่าง ๆ ก็อร่อยและลงตัว
แม้หมูแดดเดียวจะดูเหมือนเมนูที่ต้องอาศัยความชำนาญ แต่แท้จริงแล้ววิธีการทำไม่ยากอย่างที่คิด หากเราใช้สูตรที่ถูกต้องและเลือกส่วนผสมคุณภาพดี เราก็สามารถทำหมูแดดเดียวอร่อย ๆ ได้เองที่บ้าน
ส่วนผสม
- เนื้อหมูส่วนสันนอกหรือสันคอ (หั่นเป็นเส้นหนา) 500 กรัม
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม (โขลกละเอียด) 1 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชี (โขลกละเอียด) 2 ราก
- พริกไทยดำ (บดหยาบ) 1 ช้อนชา
- งาขาว (ไม่จำเป็น) 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ล้างเนื้อหมูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง แล้วหั่นเป็นเส้นหนาประมาณ 1 เซนติเมตร
- ผสมเครื่องปรุงทั้งหมด ได้แก่ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ กระเทียม รากผักชี และพริกไทยดำ ลงในชามผสม
- ใส่เนื้อหมูลงไปในชาม คลุกเคล้าให้เครื่องปรุงซึมเข้าเนื้อหมู
- หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง
- นำหมูหมักที่เตรียมไว้ไปตากแดดแรงประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนเนื้อหมูแห้งพอสมควร (ไม่ควรแห้งจนแข็ง)
- พลิกเนื้อหมูระหว่างแดด เพื่อให้แห้งสม่ำเสมอ
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน โดยใช้ไฟกลาง
- ใส่หมูแดดเดียวลงไปทอดจนสุกเหลืองทั้งสองด้าน
- ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
สเต็กหมู
หากคุณเคยหลงใหลในรสชาติของสเต็กหมูที่ร้านดัง และคิดว่าน่าจะยากเกินไปที่จะทำเอง ลองเปิดใจแล้วอ่านบทความนี้! สเต็กหมูไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถ้าคุณมีสูตรที่ถูกต้องและวิธีการที่เหมาะสม คุณจะสามารถทำสเต็กหมูที่นุ่มละมุนและรสชาติอร่อยได้ง่ายๆ ที่บ้าน
ส่วนผสม
- เนื้อหมูสำหรับสเต็ก (สันนอกหรือสันใน) 2 ชิ้น (ชิ้นละ 200 กรัม)
- น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 2 กลีบ
- ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยดำบด 1 ช้อนชา
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- โรสแมรี่สด (หรือแห้ง) 1 ช่อ
- เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ล้างเนื้อหมูให้สะอาดแล้วซับให้แห้ง ใช้มีดปลายแหลมบั้งเนื้อเบาๆ ด้านบนทั้งสองด้าน เพื่อให้ซอสซึมเข้าเนื้อได้ดีขึ้น
- ผสมซอสถั่วเหลือง ซอสน้ำมันหอย กระเทียมสับ พริกไทยดำ และน้ำมันมะกอกเข้าด้วยกัน จากนั้นชโลมซอสให้ทั่วเนื้อหมู หมักไว้ในตู้เย็นประมาณ 15 นาที
- ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันมะกอกเล็กน้อยและโรสแมรี่สด รอให้กระทะร้อน นำเนื้อหมูลงไปย่างหรือทอดด้านละ 3-4 นาทีจนมีสีสวย ใส่เนยลงไปในกระทะตอนท้ายเพื่อเพิ่มความหอม
- ใช้ที่วัดอุณหภูมิอาหาร หากเนื้อหมูมีอุณหภูมิภายในประมาณ 63°C ถือว่าสุกกำลังดี พักเนื้อไว้ 5 นาทีเพื่อให้เนื้อฉ่ำก่อนเสิร์ฟ
- จัดเนื้อหมูบนจาน เสิร์ฟคู่กับผักสด มันบด หรือขนมปังตามชอบ และราดซอสสเต็กเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มรสชาติ
ลาบหมูทอด
ลาบหมูทอดเป็นหนึ่งในเมนูอาหารไทยที่ได้รับความนิยม เพราะรวมเอาความอร่อยของลาบและความกรอบของการทอดไว้ในจานเดียว เมนูนี้เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานหลัก หรือของว่างในงานเลี้ยง ด้วยรสชาติที่จัดจ้านของสมุนไพรไทย ผสมผสานกับเนื้อหมูที่นุ่มละมุน ลาบหมูทอดจึงเป็นเมนูที่ทั้งอร่อยและง่ายต่อการทำที่บ้าน
ส่วนผสม
- เนื้อหมูบด 500 กรัม
- หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ใบมะกรูดซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีฝรั่งซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 2 ช้อนชา (ปรับตามความชอบ)
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ
- นำเนื้อหมูบดใส่ชามผสม ใส่หอมแดงซอย ตะไคร้ซอย ใบมะกรูดซอย และผักชีฝรั่งซอยลงไป
- ปรุงรสด้วยข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลา และน้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- หลังจากคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดแล้ว ให้ใส่แป้งมันสำปะหลังเพื่อช่วยให้ส่วนผสมจับตัว
- ปั้นส่วนผสมเป็นก้อนขนาดพอดีคำ (ประมาณ 2-3 ซม.)
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใช้ไฟกลางจนร้อนดี
- ทอดลาบหมูจนสุกเหลืองกรอบทั่วทั้งชิ้น แล้วนำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
- วางลาบหมูทอดบนจานเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยใบมะกรูดทอดกรอบ เสิร์ฟพร้อมผักสด เช่น แตงกวา ผักชีฝรั่ง และกะหล่ำปลี
ข้าวต้มหมูสับ
ข้าวต้มหมูสับเป็นอาหารที่คนไทยคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นเมนูที่ทำง่าย สะดวก และเหมาะสำหรับทุกช่วงเวลาของวัน ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า มื้อเที่ยง หรือมื้อเย็น ความนุ่มของข้าวและความหอมของหมูสับที่ปรุงรสอย่างลงตัว ช่วยเติมพลังและความอบอุ่นให้กับทุกคนในครอบครัว
ส่วนผสม
- ข้าวหอมมะลิหรือข้าวสวย 1 ถ้วย
- น้ำซุปไก่หรือน้ำเปล่า 3 ถ้วย
- หมูสับ 200 กรัม
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
- ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมเจียวสำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
- ตั้งหม้อบนไฟกลาง ใส่น้ำซุปไก่ลงไปแล้วปล่อยให้เดือด จากนั้นใส่ข้าวสวยหรือข้าวหอมมะลิที่เตรียมไว้ลงไป เคี่ยวจนข้าวนุ่มและน้ำซุปซึมเข้าข้าว
- ในชามผสม นำหมูสับมาผสมกับซีอิ๊วขาว น้ำปลา และพริกไทยป่น คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนขนาดพอดีคำ
- เมื่อข้าวเริ่มนุ่มแล้ว ใส่หมูสับที่ปั้นไว้ลงในหม้อ ต้มจนหมูสุกทั่ว ระหว่างนี้สามารถชิมรสชาติและปรับด้วยน้ำปลาเพิ่มได้ตามต้องการ
- โรยกระเทียมเจียว ต้นหอมซอย และผักชีซอย เพิ่มความหอมและสีสันให้กับข้าวต้ม
- ตักข้าวต้มใส่ชาม โรยหน้าด้วยต้นหอม ผักชี และกระเทียมเจียว เสิร์ฟร้อนพร้อมกับพริกไทยป่นเพิ่มเติมหากต้องการ
หมูผัดพริกเกลือ
หมูผัดพริกเกลือเป็นหนึ่งในเมนูที่ได้รับความนิยมมากในครัวไทย ด้วยความเรียบง่ายของส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก แต่ได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อม เหมาะสำหรับมื้อด่วน หรือวันที่ต้องการอาหารที่ทำได้ง่ายๆ แต่ยังอร่อยเต็มคำ
เมนูนี้ใช้ส่วนผสมเพียงไม่กี่อย่าง แต่รสชาติที่ได้กลับลงตัวอย่างน่าทึ่ง ด้วยกลิ่นหอมของพริกและกระเทียมที่ผัดเข้ากับหมู และการปรุงรสที่เรียบง่าย ช่วยให้เนื้อหมูนุ่มชุ่มฉ่ำ พร้อมทั้งความเผ็ดร้อนเล็กน้อยที่ปลุกความอยากอาหาร
สำหรับใครที่กำลังมองหาเมนูใหม่ๆ หรืออยากฝึกทำอาหารจานผัดที่ง่ายและรวดเร็ว สูตรหมูผัดพริกเกลือที่เรานำมาฝากนี้เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้ที่ชำนาญในครัว รับรองว่าทำตามแล้วอร่อยแน่นอน
ส่วนผสม
- เนื้อหมูสันในหรือสันนอก หั่นชิ้นบาง 200 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย (สำหรับตกแต่ง) 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- เตรียมส่วนผสม: หั่นเนื้อหมูให้เป็นชิ้นบางๆ เตรียมพริกขี้หนูซอยและกระเทียมสับให้พร้อม
- ตั้งกระทะ: ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใช้ไฟกลางจนร้อน ใส่กระเทียมลงผัดจนหอม
- ผัดพริก: ใส่พริกขี้หนูซอยลงไปผัดให้มีกลิ่นหอม เผ็ดกำลังดี
- ใส่เนื้อหมู: ใส่หมูที่เตรียมไว้ลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และซอสหอยนางรม
- ปรับรสชาติ: ชิมรสชาติ หากต้องการเพิ่มความเค็มหรือหวาน สามารถปรุงเพิ่มได้ตามชอบ
- จัดเสิร์ฟ: โรยต้นหอมซอยและตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟทันที
พริกหยวกยัดไส้หมู
พริกหยวกยัดไส้หมู เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว เพราะนอกจากจะทำง่ายแล้ว ยังอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน พริกหยวกที่กรอบนอกนุ่มใน ผสมผสานกับไส้หมูที่ปรุงรสอย่างลงตัว ทำให้จานนี้กลายเป็นเมนูโปรดของใครหลายคน
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำอาหาร สูตรนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะใช้ส่วนผสมพื้นฐานที่หาได้ง่ายตามตลาด และวิธีทำที่ไม่ซับซ้อน ไม่ว่าจะทำทานเองหรือทำเลี้ยงครอบครัวในมื้อพิเศษก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
ส่วนผสม
ส่วนผสมหลัก
- พริกหยวกขนาดกลาง 6-8 เม็ด
- หมูบด 300 กรัม
- กระเทียมสับ 2 กลีบ
- รากผักชีสับ 2 ราก
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
- ล้างพริกหยวกให้สะอาด ผ่าพริกหยวกตามแนวยาวแล้วนำเมล็ดออก ระวังอย่าให้เปลือกพริกฉีก
- ในชามผสม ใส่หมูบด กระเทียมสับ รากผักชีสับ ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย พริกไทยป่น และน้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากันจนเนื้อเนียน
- ใช้ช้อนตักไส้หมูที่เตรียมไว้ใส่ลงในพริกหยวกจนเต็ม กดให้แน่นเล็กน้อย
- วางพริกหยวกที่ยัดไส้เรียบร้อยลงในจานย่าง แล้วนำไปย่างประมาณ 20 นาที หรือจนไส้หมูสุก
ยำหมูยอ
ยำหมูยอเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่คนไทยหลายคนชื่นชอบ ด้วยรสชาติที่ครบรส ทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน และเผ็ดที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เมนูนี้ไม่เพียงแค่ทำง่าย แต่ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการรับประทานในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้ออาหารที่บ้านหรือปาร์ตี้กับเพื่อนๆ
สิ่งที่ทำให้ยำหมูยอโดดเด่นคือส่วนผสมที่สดใหม่และความสะดวกในการเตรียม เพียงแค่มีหมูยอคุณภาพดีและวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในครัว คุณก็สามารถรังสรรค์เมนูนี้ได้อย่างง่ายดาย ความสนุกอยู่ที่การปรับแต่งรสชาติตามความชอบของแต่ละคน
ส่วนผสม
- หมูยอหั่นชิ้นบาง 300 กรัม
- พริกขี้หนูซอย 10-15 เม็ด (ปรับตามความชอบ)
- หอมแดงซอย 3 หัว
- มะเขือเทศหั่นชิ้น 2 ลูก
- ผักชีฝรั่งซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาวสด 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- ผักชีสำหรับโรยหน้า (ตามชอบ)
วิธีทำ
- หั่นหมูยอเป็นชิ้นบางๆ ให้พร้อมสำหรับการคลุกเคล้า
- ซอยพริกขี้หนู หอมแดง และผักชีฝรั่งให้ละเอียด
- หั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็กเพื่อความสะดวกในการคลุก
- ใส่น้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทรายในชามผสม
- คนให้น้ำตาลละลายจนเข้ากันดี
- ใส่หมูยอ มะเขือเทศ หอมแดง และพริกขี้หนูลงในชาม
- เทน้ำยำที่เตรียมไว้ลงไป แล้วคลุกเคล้าให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
- ตักยำหมูยอใส่จาน โรยผักชีฝรั่งและผักชีเพิ่มสีสัน
- เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยหรือรับประทานเปล่าๆ ตามความชอบ
หมูทอดกระเทียม
หมูทอดกระเทียมเป็นเมนูยอดฮิตที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยรสชาติที่เข้มข้น หอมกระเทียม กรอบนอกนุ่มใน สามารถรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือทานเป็นของว่างได้ เหมาะกับทุกมื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น
เมนูนี้นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังทำง่ายด้วยส่วนผสมไม่กี่อย่าง อีกทั้งยังสามารถปรับรสชาติตามความชอบของแต่ละคนได้ ไม่ว่าจะชอบรสจัดหรืออ่อน ๆ ก็สามารถปรุงได้ตามใจต้องการ
ส่วนผสม
- เนื้อหมูสันนอก หรือสันคอหั่นชิ้นบาง ๆ – 300 กรัม
- กระเทียมไทยทุบหยาบ – 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว – 2 ช้อนชา
- น้ำปลา – 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย – 1 ช้อนชา
- แป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด – 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืชสำหรับทอด – 1 ถ้วย
วิธีทำ
- ล้างเนื้อหมูให้สะอาด และหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ใส่ลงในชามผสม
- ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำปลา น้ำตาลทราย และแป้งมัน คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน หมักไว้ประมาณ 10 นาที
- ทุบกระเทียมให้หยาบ ใส่พักไว้
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใช้ไฟกลางจนร้อน
- ใส่เนื้อหมูหมักลงทอด โดยทอดทีละชิ้นเพื่อไม่ให้ติดกัน
- ทอดจนหมูสุกและมีสีเหลืองทอง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
- ใส่กระเทียมลงในกระทะน้ำมันที่เหลือจากการทอดหมู ใช้ไฟอ่อน ทอดจนหอมและเหลืองกรอบ
- ตักกระเทียมขึ้นสะเด็ดน้ำมัน
- วางหมูทอดบนจาน โรยหน้าด้วยกระเทียมทอด
- เสิร์ฟคู่กับข้าวสวยและน้ำจิ้มตามชอบ
หมูสามชั้นผัดกะปิ
หมูสามชั้นผัดกะปิเป็นเมนูไทยที่หลายคนโปรดปราน ด้วยรสชาติเข้มข้นของกะปิที่หอมอบอวล รวมกับความมันของหมูสามชั้น ทำให้เมนูนี้เหมาะสำหรับทุกมื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น สิ่งที่ดีไปกว่านั้นคือ เราสามารถทำเมนูนี้ได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์หรือวัตถุดิบที่ซับซ้อน
สูตรนี้เป็นสูตรที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติที่เข้มข้นและหอมมัน อีกทั้งยังเป็นเมนูที่ใช้เวลาไม่นาน เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด แต่ยังอยากทานอาหารรสเลิศ
มาลองทำหมูสามชั้นผัดกะปิกันเถอะ รับรองว่าอร่อยจนหยุดไม่ได้ และเหมาะกับข้าวสวยร้อนๆ ที่พร้อมเสิร์ฟได้ในเวลาไม่นาน
ส่วนผสม
- หมูสามชั้นหั่นชิ้นพอดีคำ 300 กรัม
- กะปิอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสับ 5-7 เม็ด (ปรับตามความเผ็ดที่ชอบ)
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 3 หัว
- ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ (เพิ่มกลิ่นหอม)
วิธีทำ
- เริ่มจากหั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นพอดีคำ และเตรียมส่วนผสมอื่นๆ เช่น ซอยหอมแดง สับกระเทียมและพริกขี้หนูให้เรียบร้อย
- ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
- ใส่กระเทียมและพริกขี้หนูสับลงไปผัดจนหอม
- ใส่กะปิลงไปผัดต่อให้กะปิมีกลิ่นหอมฟุ้ง (ใช้ไฟกลาง)
- ใส่หมูสามชั้นลงไปในกระทะ คลุกเคล้าให้หมูเคลือบกะปิ
- ผัดจนหมูเริ่มเปลี่ยนสีและมีกลิ่นหอม
- ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำปลาลงไป คนให้เข้ากัน
- เติมน้ำเปล่าเล็กน้อยเพื่อให้หมูไม่แห้งจนเกินไป แล้วเคี่ยวประมาณ 5 นาทีให้หมูสุกทั่วและซึมซับรสชาติ
- ใส่หอมแดงซอยและใบมะกรูดฉีก ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง
- ปิดไฟและพร้อมเสิร์ฟทันที
ชุปกระดูกหมู
ซุปกระดูกหมูถือเป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยรสชาติน้ำซุปที่หวานกลมกล่อมจากการเคี่ยวกระดูกหมูและสมุนไพรอย่างพิถีพิถัน นอกจากจะเป็นเมนูที่อร่อยแล้ว ยังเหมาะสำหรับวันสบายๆ ที่ต้องการอาหารที่ง่ายและอิ่มอร่อย
การทำซุปกระดูกหมูให้อร่อยและใสนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณมีเทคนิคที่ถูกต้องและส่วนผสมที่เหมาะสม คุณก็สามารถทำเมนูนี้ให้อร่อยเหมือนร้านอาหารมืออาชีพได้ แม้จะไม่ใช่เชฟมือโปร
ส่วนผสม
- กระดูกหมู (เลือกส่วนกระดูกซี่โครงหรือกระดูกอ่อน) 1 กิโลกรัม
- น้ำเปล่า 3 ลิตร
- หัวไชเท้าหั่นชิ้น 1 หัว
- แครอทหั่นชิ้น 1 หัว
- หัวหอมใหญ่ผ่าครึ่ง 1 หัว
- กระเทียมบุบ 5 กลีบ
- พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 2 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชี 3 ราก
วิธีทำ
- เตรียมกระดูกหมู: ล้างกระดูกหมูให้สะอาด ใส่ในหม้อน้ำเดือดและลวกประมาณ 2-3 นาที จากนั้นนำขึ้นล้างน้ำเย็นให้สะอาดอีกครั้งเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและกลิ่นคาว
- เตรียมน้ำซุป: ใส่น้ำเปล่าในหม้อใหญ่ ตั้งไฟกลางจนเดือด ใส่กระดูกหมูที่ล้างสะอาดแล้วลงไป ตามด้วยหัวไชเท้า แครอท หัวหอมใหญ่ กระเทียม พริกไทยเม็ด และรากผักชี
- ปรุงรส: ใส่เกลือและซีอิ๊วขาวลงไป ลดไฟเป็นไฟอ่อน เคี่ยวน้ำซุปประมาณ 2 ชั่วโมง หมั่นช้อนฟองออกเพื่อให้น้ำซุปใส
- ชิมและปรับรสชาติ: เมื่อเคี่ยวครบเวลา ชิมน้ำซุปและปรับรสชาติด้วยเกลือหรือซีอิ๊วขาวตามชอบ
- เสิร์ฟ: ตักซุปกระดูกหมูใส่ชาม พร้อมเสิร์ฟร้อนๆ ทานคู่กับข้าวสวยหรือเส้นก๋วยเตี๋ยวตามความชอบ
ขนมจีบหมู
ขนมจีบหมูเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมของอาหารจีนที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน หากคุณกำลังมองหาวิธีทำขนมจีบหมูที่อร่อยและสามารถทำได้โดยไม่ยุ่งยาก บทความนี้เหมาะสำหรับคุณ โดยเราจะพาคุณไปดูสูตรและวิธีทำขนมจีบหมูอย่างละเอียด พร้อมเคล็ดลับในการปรับรสชาติให้เหมาะกับครอบครัว
ในสูตรนี้ เราจะใช้วัตถุดิบที่หาง่ายตามท้องตลาด เช่น หมูสับ แผ่นเกี๊ยว และเครื่องปรุงรสที่เหมาะสม ขั้นตอนทั้งหมดถูกออกแบบมาให้เข้าใจง่าย แม้ว่าคุณจะไม่เคยทำขนมจีบมาก่อนก็ตาม
ส่วนผสม
- หมูสับ 300 กรัม
- รากผักชี 2 ราก (สับละเอียด)
- กระเทียม 5 กลีบ (สับละเอียด)
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- แผ่นเกี๊ยว 20 แผ่น
- แครอทขูดฝอย (สำหรับตกแต่ง)
- น้ำมันพืช (สำหรับทาน้ำที่ภาชนะ)
วิธีทำ
- ผสมหมูสับ รากผักชี กระเทียม พริกไทยป่น ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา และน้ำตาลทรายในชามผสม
- คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันจนเนื้อหมูเหนียวเล็กน้อย
- วางแผ่นเกี๊ยวบนฝ่ามือ ตักไส้หมูประมาณ 1 ช้อนโต๊ะวางตรงกลาง
- จับจีบขอบแผ่นเกี๊ยวให้ปิดรอบไส้แต่ไม่แน่นจนเกินไป เพื่อให้มีรูระบายอากาศ
- ทาน้ำมันพืชบางๆ บนภาชนะสำหรับนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ขนมจีบติด
- วางขนมจีบลงในภาชนะโดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย
- ตกแต่งด้านบนขนมจีบด้วยแครอทขูดฝอย
- นึ่งในหม้อน้ำเดือดประมาณ 10-15 นาที หรือจนขนมจีบสุก
น้ำตกคอหมูย่าง
น้ำตกคอหมูย่าง เป็นเมนูอาหารอีสานที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะรสชาติที่เผ็ดร้อนเปรี้ยวหวานลงตัว เสริมด้วยกลิ่นหอมจากคอหมูย่างที่ชุ่มฉ่ำ เมนูนี้มักเสิร์ฟคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ หรือข้าวสวย เป็นที่ชื่นชอบของคนรักอาหารรสจัดจ้าน
การทำเมนูนี้ไม่จำเป็นต้องมีฝีมือระดับเชฟ เพียงแค่มีสูตรที่ถูกต้องและใส่ใจกับทุกขั้นตอน คุณก็สามารถสร้างสรรค์เมนูน้ำตกคอหมูย่างให้อร่อยเหมือนร้านดังได้ที่บ้าน พร้อมสร้างความประทับใจให้คนในครอบครัว
ส่วนผสม
สำหรับคอหมูย่าง
- คอหมู 500 กรัม
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
สำหรับน้ำตก
- พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 3 หัว
- ผักชีฝรั่งซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ใบสะระแหน่ (สำหรับตกแต่ง)
วิธีทำ
- นำคอหมูมาหมักด้วยซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม น้ำมันพืช น้ำตาลปี๊บ กระเทียมสับ และพริกไทยป่น คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
- ตั้งเตาย่างหรือกระทะให้ร้อน นำคอหมูลงย่างจนสุกเหลือง หอม และมีลายย่างสวยงาม พักไว้ให้เย็นแล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
- ในชามผสม ใส่พริกป่น ข้าวคั่ว น้ำปลา และน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน
- ใส่คอหมูย่างที่หั่นไว้ลงไป คลุกเคล้ากับน้ำปรุงให้เข้ากัน
- ใส่หอมแดงซอย และผักชีฝรั่ง คลุกเคล้าเบาๆ ให้เข้ากันอีกครั้ง
- ตักน้ำตกคอหมูย่างใส่จาน ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่
- เสิร์ฟคู่กับข้าวเหนียวหรือข้าวสวย
ทอดมันหมู
ทอดมันหมูเป็นอาหารว่างและเมนูโปรดของหลายคน ด้วยรสชาติเข้มข้นของสมุนไพรและเครื่องปรุงที่เข้ากันอย่างลงตัว ทอดมันหมูสูตรนี้จึงเหมาะสำหรับมื้อพิเศษหรือแม้แต่มื้อธรรมดาที่อยากเพิ่มสีสันในครัวเรือน
การทำทอดมันหมูไม่ใช่เรื่องยากเลย หากคุณมีสูตรที่ดีและรู้เคล็ดลับในการทำให้อร่อย กลมกล่อม กรอบนอกนุ่มใน รับรองว่าทำทานเองหรือเสิร์ฟแขกก็ประทับใจแน่นอน
ส่วนผสม
- เนื้อหมูบดละเอียด 500 กรัม
- ถั่วฝักยาวหั่นชิ้นเล็ก 50 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- พริกแกงแดง 3 ช้อนโต๊ะ
- ใบมะกรูดซอยละเอียด 5 ใบ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
- ใส่เนื้อหมูบดลงในชามผสม ตามด้วยพริกแกงแดง ใบมะกรูดซอย และถั่วฝักยาวที่หั่นเตรียมไว้ คนให้เข้ากัน
- ตอกไข่ไก่ลงไปในชามผสม เติมน้ำปลา น้ำตาลทราย และแป้งมันสำปะหลัง จากนั้นใช้มือคลุกเคล้าและตีส่วนผสมจนเหนียว เพื่อให้ทอดมันกรอบนอกและเนื้อแน่น
- ปั้นส่วนผสมที่ได้เป็นก้อนกลมแล้วกดให้แบนเล็กน้อย เพื่อให้สุกง่ายและมีขนาดพอดีคำ
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช ใช้ไฟกลาง เมื่อร้อนจัด ใส่ทอดมันลงไปทอดทีละชิ้น ทอดจนเหลืองทองกรอบทั้งสองด้าน ใช้กระดาษซับน้ำมันช่วยลดความมันส่วนเกิน
- ตักทอดมันหมูขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มไก่หรือซอสพริก
หมูสะเต๊ะ
หมูสะเต๊ะเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ด้วยรสชาติหอมหวานของเนื้อหมูที่หมักด้วยเครื่องเทศเฉพาะ และน้ำจิ้มถั่วที่อร่อยเข้มข้น เมื่อเสิร์ฟพร้อมกับอาจาดที่เปรี้ยวหวาน ทำให้เมนูนี้กลายเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน
สูตรหมูสะเต๊ะที่เราจะนำเสนอในวันนี้ เป็นสูตรที่สามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ซับซ้อนและวัตถุดิบที่หาได้ทั่วไป เคล็ดลับสำคัญอยู่ที่การหมักหมูให้เนื้อนุ่มและซึมซับรสชาติของเครื่องเทศอย่างทั่วถึง
ส่วนผสม
สำหรับหมูสะเต๊ะ
- เนื้อหมูสันนอกหรือสันคอ 500 กรัม (หั่นเป็นชิ้นบางขนาดพอดีไม้)
- ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา
- ขมิ้นผง 1 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นจืด 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- กระเทียมบด 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
- ไม้สำหรับเสียบหมู
สำหรับน้ำจิ้มถั่ว
- ถั่วลิสงคั่วบด 1 ถ้วย
- น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
สำหรับอาจาด
- แตงกวาหั่นบาง 1 ถ้วย
- หอมแดงซอย 1/2 ถ้วย
- พริกชี้ฟ้าหั่นแว่น 1 เม็ด
- น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
- ผสมผงกะหรี่ ขมิ้นผง น้ำตาลปี๊บ นมข้นจืด น้ำมันพืช กระเทียมบด เกลือ และพริกไทยในชาม
- ใส่เนื้อหมูที่หั่นไว้ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
- นำหมูที่หมักไว้มาจัดเรียงบนไม้เสียบ
- ย่างหมูสะเต๊ะบนเตาหรือกระทะย่างที่ร้อนปานกลาง พลิกกลับให้สุกทั่วทั้งสองด้าน
- ทาน้ำหมักที่เหลือระหว่างการย่างเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
- ย่างจนหมูสุกและมีกลิ่นหอม (ประมาณ 8-10 นาที)
- ตั้งหม้อ ใส่หัวกะทิ เคี่ยวให้แตกมันเล็กน้อย
- ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงไปผัดจนหอม จากนั้นเติมน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก
- ใส่ถั่วลิสงบด คนให้เข้ากัน เคี่ยวจนได้น้ำจิ้มที่มีความเข้มข้น
- ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย และเกลือในชาม คนให้ละลาย
- ใส่แตงกวา หอมแดง และพริกชี้ฟ้าหั่นแว่นลงไป คนให้เข้ากัน
ต้มเล้ง
เล้งต้มแซ่บเป็นเมนูยอดนิยมที่คนไทยหลงรัก ด้วยน้ำซุปรสจัดจ้านหอมกรุ่นจากเครื่องเทศ และกระดูกหมูเล้งที่เคี่ยวจนเปื่อยนุ่ม เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับทานในวันที่ต้องการรสชาติกลมกล่อมพร้อมความเผ็ดซ่าที่ทำให้รู้สึกสดชื่น สูตรเล้งต้มแซ่บนี้เหมาะสำหรับทำทานเองที่บ้าน โดยไม่ต้องใช้วัตถุดิบซับซ้อน เพียงแค่มีเครื่องปรุงพื้นฐานและกระดูกหมูเล้งก็สามารถสร้างสรรค์ความอร่อยได้ง่าย ๆ
การทำเล้งต้มแซ่บอาจดูเหมือนยากสำหรับหลายคน แต่จริง ๆ แล้ว ถ้ารู้เทคนิคและวิธีทำอย่างถูกต้อง ก็สามารถทำออกมาได้อร่อยไม่แพ้ร้านอาหาร สิ่งสำคัญคือการเตรียมวัตถุดิบให้พร้อม และการเคี่ยวกระดูกหมูเล้งจนเนื้อเปื่อยได้ที่ สูตรนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับความอร่อยที่ทำเองได้ง่าย ๆ พร้อมเคล็ดลับที่คุณต้องหลงรัก
ส่วนผสม
- กระดูกหมูเล้ง 1 กิโลกรัม
- น้ำเปล่า 2 ลิตร
- ตะไคร้ 2 ต้น (ทุบให้แตก)
- ใบมะกรูด 5 ใบ
- หอมแดง 5 หัว (ปอกเปลือก)
- ข่า 1 แง่ง (หั่นแว่น)
- พริกขี้หนูสวน 15 เม็ด (ทุบพอแตก)
- มะนาว 2 ลูก (คั้นน้ำ)
- น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- ผักชีฝรั่งซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ล้างกระดูกหมูเล้งด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด เพื่อลดกลิ่นคาว
- แช่กระดูกหมูในน้ำเย็นประมาณ 10 นาที แล้วล้างอีกครั้ง
- ใส่กระดูกหมูเล้งลงในหม้อ เติมน้ำเปล่า 2 ลิตร
- ต้มน้ำจนเดือด แล้วลดไฟลงเป็นไฟอ่อน
- คอยช้อนฟองออกเรื่อย ๆ เพื่อให้น้ำซุปใส
- ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง และข่าลงในหม้อ
- เคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งจนกระดูกหมูเปื่อยนุ่ม
- ใส่เกลือ น้ำปลา น้ำตาลทราย และพริกขี้หนูสวนที่ทุบไว้
- ชิมรสชาติและปรับตามชอบ
- ปิดไฟ แล้วเติมน้ำมะนาวเพื่อเพิ่มรสเปรี้ยว
- ตักเล้งใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งซอย
พะแนงหมู
พะแนงหมูเป็นหนึ่งในอาหารไทยที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยรสชาติที่กลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพรและเครื่องแกง รวมถึงความมันของกะทิที่ช่วยเพิ่มความอร่อย หลายคนอาจคิดว่าการทำพะแนงหมูนั้นยาก แต่ความจริงแล้วไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด เพียงแค่เตรียมส่วนผสมและปฏิบัติตามขั้นตอนก็สามารถทำเมนูนี้ได้ที่บ้านอย่างง่ายดาย
ส่วนผสม
- หมูสันในหั่นชิ้นบาง: 300 กรัม
- พริกแกงพะแนง: 2 ช้อนโต๊ะ
- กะทิ: 400 มิลลิลิตร (แบ่งเป็น 200 มิลลิลิตรสำหรับผัดเครื่องแกง และ 200 มิลลิลิตรสำหรับเคี่ยว)
- ใบมะกรูดฉีก: 3 ใบ
- น้ำปลา: 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ: 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง: 2 เม็ด
- ถั่วลิสงคั่วบด (ไม่ใส่ก็ได้): 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่กะทิ 200 มิลลิลิตรลงไปเคี่ยวจนแตกมัน
- ใส่พริกแกงพะแนงลงไป ผัดจนมีกลิ่นหอม
- ใส่หมูที่เตรียมไว้ลงไปผัดกับพริกแกงจนหมูเริ่มสุก
- เติมกะทิที่เหลือ 200 มิลลิลิตรลงไป คนให้เข้ากัน
- ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ ชิมรสตามชอบ
- ใส่ใบมะกรูดฉีกและพริกชี้ฟ้า เคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 10 นาทีจนหมูนุ่ม
- ตักพะแนงหมูใส่จาน โรยถั่วลิสงคั่วบดถ้าชอบ พร้อมเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อนๆ
ต้มเลือดหมู
ต้มเลือดหมูเป็นอาหารที่คนไทยคุ้นเคยและชื่นชอบ เพราะมีรสชาติอร่อย กลมกล่อม และครบเครื่อง ทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี เหมาะสำหรับมื้อเช้าหรือมื้อที่ต้องการอาหารเบาๆ ที่อิ่มท้อง ต้มเลือดหมูยังเป็นเมนูที่สามารถปรับส่วนผสมให้เข้ากับรสนิยมของแต่ละคนได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มผัก หรือลดเครื่องในบางชนิด
การทำต้มเลือดหมูให้อร่อยไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่เลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ มีคุณภาพ และทำตามขั้นตอนการปรุงอย่างละเอียด คุณก็สามารถทำเมนูนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะทำรับประทานเองหรือเสิร์ฟให้ครอบครัว
ส่วนผสม
สำหรับน้ำซุป
- กระดูกหมู (คาตั้ง) 500 กรัม
- น้ำเปล่า 2 ลิตร
- หัวไชเท้าหั่นแว่น 1 หัว
- รากผักชี 3 ราก
- กระเทียมบุบ 5 กลีบ
- พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
**สำหรับเครื่องในและเลือดหมู
- เลือดหมู 200 กรัม (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)
- ตับหมู 200 กรัม (หั่นบาง)
- หัวใจหมู 100 กรัม (หั่นเป็นชิ้น)
- ไส้อ่อนหมู 200 กรัม (ล้างสะอาดและหั่นเป็นชิ้น)
- เนื้อหมูบด 200 กรัม
สำหรับเครื่องเคียงและเครื่องปรุง
- ใบจิงจูฉ่าย 1 กำมือ (หรือผักชีฝรั่ง)
- ขึ้นฉ่าย 1 กำมือ (หั่นเป็นท่อน)
- กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น ตามชอบ
- น้ำปลาและน้ำส้มสายชูสำหรับปรุงรส
วิธีทำ
- ตั้งหม้อใส่น้ำเปล่าและกระดูกหมู เปิดไฟกลางจนเดือด
- ใส่หัวไชเท้า รากผักชี กระเทียมบุบ พริกไทยเม็ด และเกลือ
- ลดไฟลง เคี่ยวน้ำซุปด้วยไฟอ่อนประมาณ 30 นาที จนน้ำซุปใสและหอม
- ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ชิมรสตามชอบ
- ลวกตับ หัวใจ และไส้อ่อนในน้ำร้อนจนสุก จากนั้นนำขึ้นพักไว้
- ลวกเลือดหมูในน้ำเดือดจนแข็งตัว และพักให้สะเด็ดน้ำ
- ปั้นหมูบดเป็นก้อนเล็กๆ แล้วลวกในน้ำซุปจนสุก
- ตักน้ำซุปใส่ชาม ใส่เลือดหมู ตับ หัวใจ ไส้อ่อน และหมูบด
- โรยใบจิงจูฉ่าย ขึ้นฉ่าย กระเทียมเจียว และพริกไทยป่น
- เสิร์ฟพร้อมเครื่องปรุงรส เช่น น้ำปลา น้ำส้มสายชู และพริกป่น
หมูสามชั้นทอดน้ำปลา
หมูสามชั้นทอดน้ำปลาเป็นเมนูที่ทั้งอร่อยและทำง่าย สามารถทำได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้อพิเศษหรืออาหารประจำวัน ด้วยความหอมของน้ำปลาผสมกับหมูสามชั้นกรอบนอกนุ่มใน ทำให้เมนูนี้กลายเป็นจานโปรดของใครหลายคน อีกทั้งยังใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายในครัว เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีทักษะการทำอาหารสูง
นอกจากนี้ สูตรนี้ยังมีเคล็ดลับในการทำให้หมูกรอบนานและไม่อมน้ำมัน เทคนิคการเลือกวัตถุดิบและการปรุงรสที่ลงตัว จะช่วยให้หมูสามชั้นทอดน้ำปลาของคุณออกมาสมบูรณ์แบบ ลองทำตามสูตรนี้ดูแล้วคุณจะรู้ว่า ความอร่อยไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก
ส่วนผสม
- หมูสามชั้น 500 กรัม
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืชสำหรับทอด
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มความหอม)
- แป้งทอดกรอบ 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับความกรอบเพิ่มเติม – ไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำ
- ล้างหมูสามชั้นให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วซับน้ำให้แห้งเพื่อช่วยลดการกระเด็นของน้ำมันขณะทอด
- ผสมหมูสามชั้นกับน้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที เพื่อให้น้ำปลาซึมเข้าเนื้อหมู
- ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชให้มากพอที่จะท่วมหมู รอจนน้ำมันร้อน
- ใส่หมูสามชั้นลงไปทอด ระวังอย่าใส่เยอะเกินไปในครั้งเดียว เพราะจะทำให้หมูไม่กรอบ
- ทอดจนหมูเป็นสีเหลืองทอง ใช้ตะแกรงตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
- หากต้องการหมูกรอบมากยิ่งขึ้น ให้ทอดซ้ำอีกครั้งโดยใช้ไฟแรง ทอดเร็ว ๆ ประมาณ 1-2 นาที
- จัดหมูสามชั้นทอดน้ำปลาใส่จาน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หรือเป็นกับแกล้มก็อร่อย
หมูกรอบ
หมูกรอบเป็นหนึ่งในเมนูที่ใครหลายคนโปรดปราน ไม่ว่าจะทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ใส่ในเมนูผัด หรือจะทานเปล่าๆ จิ้มกับน้ำจิ้มซีอิ๊วหวาน แต่การทำหมูกรอบให้อร่อย กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมันนั้น อาจดูยากสำหรับหลายคน วันนี้เราจะมาแชร์สูตรหมูกรอบที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน พร้อมเคล็ดลับที่ช่วยให้หมูกรอบของคุณกรอบนานไม่เหนียว
สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นทำหมูกรอบเอง ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ซับซ้อน เพียงแค่เตรียมวัตถุดิบง่ายๆ และทำตามขั้นตอนอย่างละเอียด คุณก็จะได้หมูกรอบอร่อยๆ พร้อมเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร รับรองว่าจะเป็นที่ถูกใจของครอบครัว
ส่วนผสม
- หมูสามชั้น 1 กิโลกรัม
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืชสำหรับทอด (ปริมาณพอท่วมหมู)
- น้ำเปล่าสำหรับต้ม
วิธีทำ
- ล้างหมูสามชั้นให้สะอาด ใช้มีดกรีดด้านหนังหมูให้เป็นเส้นบางๆ ระยะห่างประมาณ 1 ซม. เพื่อช่วยให้ความร้อนเข้าไปถึงด้านใน
- ต้มหมูสามชั้นในน้ำเดือด ใส่เกลือป่น 1 ช้อนชา ต้มประมาณ 20 นาทีจนหมูนุ่ม นำขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำ
- ใช้ส้อมหรือมีดปลายแหลมจิ้มที่หนังหมูให้ทั่ว เพื่อช่วยให้กรอบได้ดีขึ้น
- ทาน้ำส้มสายชูที่ด้านหนังให้ทั่ว พักไว้ประมาณ 10 นาที
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช ใช้ไฟกลาง รอจนน้ำมันร้อน
- ใส่หมูสามชั้นลงไปทอดด้านหนังก่อน ทอดจนหนังพองและกรอบดี พลิกอีกด้านให้สุกเหลืองทั่วกัน
- นำหมูขึ้นจากกระทะ พักให้สะเด็ดน้ำมัน
- ใช้มีดหั่นหมูกรอบเป็นชิ้นพอดีคำ พร้อมเสิร์ฟทันที หรือเก็บไว้ใช้ในเมนูอื่นๆ
ข้าวขาหมู
ข้าวขาหมูเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของคนไทยที่หากินง่ายตามร้านอาหารข้างทาง แต่ถ้าคุณอยากลิ้มรสชาติข้าวขาหมูที่เข้มข้นเหมือนร้านดัง การทำเองที่บ้านไม่ใช่เรื่องยากเลย สูตรนี้จะช่วยให้คุณสร้างจานโปรดของครอบครัวได้แบบง่ายๆ พร้อมเคล็ดลับที่ทำให้เนื้อขาหมูนุ่มละลายในปาก น้ำราดเข้มข้น หอมกลิ่นสมุนไพร และน้ำจิ้มรสเด็ดที่ลงตัว
ส่วนผสม
ส่วนขาหมู:
- ขาหมู 1 ขา (ประมาณ 1.5 กิโลกรัม)
- กระเทียม 10 กลีบ
- รากผักชี 3 ราก
- พริกไทยดำเม็ด 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1.5 ลิตร
ส่วนเครื่องเคียง:
- ผักคะน้าลวก
- ไข่ต้ม 4 ฟอง
- ข้าวสวย 4 ถ้วย
- น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสับ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ล้างขาหมูให้สะอาด ใช้มีดโกนขูดขนที่เหลือออก
- ตั้งหม้อใส่น้ำเดือด ลวกขาหมูประมาณ 5 นาที เพื่อลดกลิ่นคาว แล้วนำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ
- ตั้งหม้อ ใส่กระเทียม รากผักชี และพริกไทยดำเม็ดลงไปผัดในน้ำมันเล็กน้อยจนหอม
- ใส่ขาหมูลงไปในหม้อ เติมซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และน้ำตาลปี๊บ ผัดให้ขาหมูเคลือบด้วยซอสจนทั่ว
- เติมน้ำเปล่าลงในหม้อ ตุ๋นด้วยไฟอ่อนประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจนขาหมูเปื่อยนุ่ม
- ลวกผักคะน้าด้วยน้ำเดือดผสมเกลือเล็กน้อย นำขึ้นพัก
- ต้มไข่ให้สุก ปอกเปลือกและเตรียมไว้
- จัดข้าวสวยลงจาน วางขาหมูพร้อมน้ำราด เสิร์ฟพร้อมผักคะน้าลวก ไข่ต้ม และน้ำจิ้มที่เตรียมไว้
กะเพราหมูสับ
กะเพราหมูสับเป็นอาหารไทยจานโปรดที่หลายคนชื่นชอบ ไม่ว่าจะทานที่ร้านอาหารหรือทำเองที่บ้าน ด้วยรสชาติเข้มข้นและหอมกลิ่นใบกะเพรา ผสมผสานกับหมูสับที่นุ่มลิ้น ทำให้เมนูนี้เป็นที่นิยมในทุกเพศทุกวัย
การทำกะเพราหมูสับที่บ้านไม่ใช่เรื่องยาก แถมยังสามารถปรับรสชาติได้ตามใจชอบ เพียงแค่มีวัตถุดิบหลักอย่างใบกะเพรา หมูสับ และเครื่องปรุงรสพื้นฐาน คุณก็สามารถเนรมิตจานโปรดในเวลาไม่นาน
ส่วนผสม
- หมูสับ 300 กรัม
- ใบกะเพรา 1 ถ้วย
- กระเทียม 5 กลีบ (สับหยาบ)
- พริกขี้หนู 10 เม็ด (ปรับตามความเผ็ดที่ชอบ)
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- สับกระเทียมและพริกขี้หนูรวมกันให้ละเอียด
- ล้างใบกะเพราให้สะอาดแล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
- ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืช รอให้น้ำมันร้อนแล้วใส่กระเทียมและพริกที่เตรียมไว้ลงไปผัดจนหอม
- ใส่หมูสับลงในกระทะ ผัดจนหมูเริ่มสุกและกระจายตัวดี
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน
- เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย ใส่ใบกะเพราลงไป ผัดให้ใบกะเพราสลด แล้วปิดไฟทันที
- ตักกะเพราหมูสับใส่จาน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ และไข่ดาวตามชอบ
หมูมะนาว
หมูมะนาวเป็นหนึ่งในเมนูที่ได้รับความนิยมในหมู่คนที่ชอบอาหารรสจัด ด้วยความเปรี้ยวจากมะนาว ความเผ็ดจากพริก และความหวานนิดๆ จากน้ำตาล ทำให้จานนี้สมบูรณ์แบบทั้งรสชาติและหน้าตา ไม่ว่าคุณจะต้องการทำสำหรับงานเลี้ยงหรือต้องการทานเล่นในวันหยุด หมูมะนาวก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
สิ่งสำคัญของหมูมะนาวคือการเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ โดยเฉพาะเนื้อหมู ควรเป็นส่วนที่มีความนุ่ม เช่น สันคอหมู หรือสันใน เพื่อให้ได้รสสัมผัสที่ดีเมื่อรับประทาน อีกทั้งน้ำจิ้มที่แซ่บลงตัว ก็เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความพิเศษให้กับจานนี้
ส่วนผสม
- เนื้อหมูสันใน (หั่นบาง) – 300 กรัม
- น้ำมะนาวสด – 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนู (สับละเอียด) – 10 เม็ด
- กระเทียม (สับละเอียด) – 2 กลีบ
- น้ำปลา – 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย – 1 ช้อนชา
- ผักชี (สำหรับตกแต่ง) – 1 ต้น
- กะหล่ำปลีซอย (สำหรับรองจาน) – 1 ถ้วย
วิธีทำ
- หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ จากนั้นนำไปลวกในน้ำเดือดที่มีเกลือเล็กน้อย ลวกเพียง 2-3 นาที จนหมูสุกและยังคงความนุ่ม
- ตักขึ้นและสะเด็ดน้ำพักไว้
- ผสมน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลทราย พริกขี้หนู และกระเทียมในชาม คนให้ส่วนผสมเข้ากันจนน้ำตาลละลาย
- วางกะหล่ำปลีซอยรองจาน นำหมูที่ลวกแล้ววางด้านบน
- ราดด้วยน้ำจิ้มที่เตรียมไว้ให้ทั่ว โรยหน้าด้วยผักชีเพื่อเพิ่มความสวยงาม
ซี่โครงหมูทอด
ซี่โครงหมูทอดเป็นเมนูที่หลายคนชื่นชอบ เพราะรสชาติที่เข้มข้นของซี่โครงหมู หมักจนเข้าเนื้อ และทอดจนกรอบนอกนุ่มใน ยิ่งกินกับข้าวสวยร้อน ๆ ยิ่งอร่อยสุด ๆ วันนี้เราจะมาแชร์วิธีทำซี่โครงหมูทอดแบบง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้ที่บ้าน ไม่ต้องมีอุปกรณ์พิเศษก็อร่อยได้เหมือนมืออาชีพ
เคล็ดลับของการทำซี่โครงหมูทอดให้อร่อยอยู่ที่การหมักหมูให้เข้าเนื้อ และการทอดด้วยไฟที่พอดี สูตรนี้เหมาะสำหรับมือใหม่หัดทำอาหาร หรือแม้แต่คนที่มีเวลาจำกัดก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ใช้เวลาไม่นาน และวัตถุดิบก็หาได้จากครัวบ้านคุณเอง
ส่วนผสม
- ซี่โครงหมู 500 กรัม
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชีสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
วิธีทำ
- ล้างซี่โครงหมูให้สะอาด สะเด็ดน้ำให้แห้ง ใส่ลงในชามผสม
- ใส่กระเทียมสับ รากผักชีสับ ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม น้ำปลา และน้ำตาลทรายลงในซี่โครงหมู คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที (หากมีเวลา)
- โรยแป้งสาลีลงบนซี่โครงหมู คลุกเคล้าให้แป้งเคลือบทั่วถึง
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อนปานกลาง นำซี่โครงหมูลงทอดจนเหลืองกรอบและสุกทั่ว ตักขึ้นพักบนกระดาษซับน้ำมัน
- จัดซี่โครงหมูทอดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หรือซอสจิ้มตามชอบ
ข้าวผัดหมู
ข้าวผัดหมูเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมที่หลายคนหลงรัก ด้วยรสชาติที่กลมกล่อมและทำง่าย เหมาะสำหรับมื้ออาหารที่ต้องการความรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะอยู่บ้านคนเดียวหรือทำให้ครอบครัว ข้าวผัดหมูก็เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ ที่สำคัญยังปรับรสชาติได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเพิ่มเครื่องเคียงหรือปรับรสให้ออกหวานหรือเค็มก็ทำได้ง่าย ๆ
สิ่งที่ทำให้ข้าวผัดหมูอร่อยไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคนิคการปรุง เช่น การใช้ไฟแรงเพื่อให้ข้าวผัดไม่แฉะและได้กลิ่นหอมกระทะ หรือการเลือกเนื้อหมูที่นุ่มและเข้ากันได้ดีกับข้าวผัด
ส่วนผสม
- ข้าวสวย (แช่เย็น) 3 ถ้วย
- เนื้อหมู (หั่นชิ้นบาง) 200 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมใหญ่ (หั่นเต๋า) 1 ลูก
- แครอท (หั่นเต๋า) 1/2 ถ้วย
- ต้นหอม (ซอย) 2 ต้น
- ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ใช้ข้าวสวยแช่เย็นเพื่อให้เม็ดข้าวร่วนไม่ติดกัน หากใช้ข้าวที่เพิ่งหุง อาจต้องพักให้เย็นก่อน
- หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นบาง ๆ เพื่อให้สุกง่ายและนุ่ม
- ใส่น้ำมันลงในกระทะใช้ไฟกลาง ใส่กระเทียมสับลงไปผัดจนหอม
- ตอกไข่ไก่ลงในกระทะ ใช้ตะหลิวยีไข่จนสุก
- ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนเริ่มสุก
- ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง น้ำมันหอย น้ำปลา น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น ผัดให้เข้ากัน
- ใส่หอมใหญ่และแครอทลงไป ผัดให้ผักเริ่มนุ่ม
- ใส่ข้าวสวยตามลงไป ใช้ไฟแรง ผัดเร็ว ๆ เพื่อให้ข้าวเคลือบซอสและมีกลิ่นหอม
- ใส่ต้นหอมซอยลงไปผัดคลุกเคล้ากัน ปิดไฟ ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
เกี๊ยวหมูทอด
เกี๊ยวหมูทอดเป็นหนึ่งในเมนูของว่างยอดฮิตที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ ด้วยความกรอบของแป้งเกี๊ยวที่ห่อไส้หมูปรุงรสอร่อยกำลังดี เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับเสิร์ฟในงานเลี้ยงหรืองานสังสรรค์ หรือแม้แต่ทำกินเองในครอบครัวก็ได้ง่ายๆ ด้วยขั้นตอนการทำที่ไม่ซับซ้อน
จุดเด่นของเมนูเกี๊ยวหมูทอดอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบคุณภาพ ไส้หมูที่ปรุงรสอย่างพิถีพิถัน และเทคนิคการทอดให้กรอบเหลืองสวย วันนี้เราจะมาสอนวิธีทำเกี๊ยวหมูทอดแบบง่ายๆ พร้อมเคล็ดลับพิเศษที่ทำให้เมนูนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ
ถ้าคุณกำลังมองหาเมนูของว่างที่ทำง่าย อร่อยทุกคำ และไม่ต้องใช้เวลามาก เมนูเกี๊ยวหมูทอดนี้ตอบโจทย์คุณแน่นอน พร้อมแล้วไปดูวิธีทำกันเลย
ส่วนผสม
สำหรับไส้เกี๊ยว
- หมูบด 300 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชีสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
- แป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนโต๊ะ
สำหรับเกี๊ยว
- แผ่นเกี๊ยว 1 แพ็ค (ประมาณ 20 แผ่น)
- น้ำเปล่าสำหรับปิดแผ่นเกี๊ยว
สำหรับทอด
- น้ำมันพืช 2-3 ถ้วยตวง (สำหรับทอด)
สำหรับน้ำจิ้ม (ออปชั่นเสริม)
- ซอสเปรี้ยว-หวาน (เช่น ซอสพริกผสมกับซอสมะเขือเทศในอัตราส่วน 1:1)
- น้ำจิ้มซีฟู้ด
วิธีทำ
- นำหมูบดใส่ชามผสม เติมกระเทียมสับ รากผักชีสับ ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา พริกไทยป่น และแป้งมันสำปะหลัง
- คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี แล้วพักไว้ในตู้เย็นประมาณ 10 นาที
- วางแผ่นเกี๊ยวบนฝ่ามือ ใส่ไส้หมูประมาณ 1 ช้อนชา (อย่าใส่มากเกินไป)
- ทาน้ำเปล่าที่ขอบแผ่นเกี๊ยว พับแผ่นเกี๊ยวครึ่งเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือแบบถุงแล้วบีบขอบให้แน่น
- ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อน (ประมาณ 170-180 องศาเซลเซียส)
- ใส่เกี๊ยวลงทอดในน้ำมันร้อนจนสีเหลืองทอง (ประมาณ 2-3 นาที)
- ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมันบนกระดาษซับมัน
- จัดเกี๊ยวหมูทอดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มที่เตรียมไว้
เมนูหมูเป็นตัวเลือกที่หลากหลายและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของคุณ การมีสูตรอาหารที่ครบถ้วนทั้งส่วนผสมและวิธีทำในมือ ช่วยให้การเตรียมอาหารเป็นเรื่องง่ายและสนุกมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะทำอาหารสำหรับครอบครัวหรือจัดปาร์ตี้เล็กๆ ในหมู่เพื่อน
30 เมนูที่เราได้รวบรวมมานี้ ไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการหาสูตรอาหาร แต่ยังเพิ่มแรงบันดาลใจในการลองทำเมนูใหม่ๆ คุณอาจพบว่าเมนูโปรดใหม่ของคุณอยู่ในรายการนี้
อย่าลืมว่าการทำอาหารเป็นมากกว่ากระบวนการ มันคือความรักและความเอาใจใส่ที่คุณใส่ลงไปในทุกจาน อาหารที่อร่อยไม่เพียงแค่เติมเต็มความหิว แต่ยังเติมเต็มความสุขในทุกมื้อของคุณและคนที่คุณรัก