1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น แต่ละเมนูเป็นยังไง?
เรื่อง ผลการคัดเลือกกิจกรรม “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น” ประจำปิงบประมาณ พ.ศ. 2566 ตามที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ดำเนินการจัดกิจกรรม “1 จังหวัด 1 เมนู เชิตซูอาหารถิ่น” ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปี พ.ศ. 2566
1 จังหวัด 1 เมนู
1 จังหวัด 1 เมนู มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของอาหารไทย อาหารท้องถิ่น ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตคนไทย รวมถึงการรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศ รวมทั้งเสนอสาระความรู้เกี่ยวกับอาหารไทย และอาหารท้องถิ่น ต่อยอดสมุนไพรไทย สรรพคุณทางเลือกและส่งต่อเป็นภูมิปัญญาที่มีการสืบทอดรุ่นสู่รุ่น อีกทั้งเป็นการส่งเสริมศักยภาพของเครือข่ายวัฒนธรรมในการบริหารจัดการงานวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่น นั้นบัดนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้พิจารณาคัดเลือกกิจกรรม “1 จังหวัด 1 เมนู เชิตซูอาหารถิ่น” โดยมีรายการอาหารที่ได้รับการคัดเลือกเป็น “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดซูอาหารถิ่น” ประจำปี พ.ศ. 2566 จำนวน 77 เมนู ดังนี้
ข้าวตอกตั้ง – กรุงเทพมหานคร
ข้าวตอกตั้ง หรือที่เรียกกันว่า ข้าวตัง คือข้าวที่หุงสุกแล้วนำมาแซะออกให้เป็นแผ่นบาง ๆ ผึ่งแดดให้แห้ง ตัดเป็นแผ่น ๆ นำไปทอดให้พองฟู โดยมักจะใส่เครื่องปรุงเล็กน้อย เช่น เกลือ พริกไทย หรือถั่วลิสง ข้าวตอกตั้งเป็นขนมไทยที่มีมานานแล้ว และยังคงได้รับความนิยมจากคนไทยอย่างต่อเนื่อง
แกงมัสมั่นกล้วยไข่ – จังหวัดกำแพงเพชร
แกงมัสมั่นกล้วยไข่ คือ แกงมัสมั่นที่มีส่วนผสมหลักเป็นกล้วยไข่แทนมันฝรั่ง โดยนำกล้วยไข่สุกประมาณ 70% มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงไปในแกงมัสมั่นที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศแบบแกงมัสมั่นทั่วไป อย่างเช่น กระเทียม พริกแกง ขมิ้น ยี่หร่า ยี่โถ โรสแมรี่ เกลือ และน้ำมะขามเปียก แกงมัสมั่นกล้วยไข่มีรสชาติหอมเครื่องเทศ กลมกล่อม หวานนิด ๆ จากกล้วยไข่ ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยมาก
ยำไกน้ำของ (สาหร่ายแม่น้ำโขง) – จังหวัดเชียงราย
ยำไกน้ำของ (สาหร่ายแม่น้ำโขง) เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ประกอบด้วยส่วนผสมหลักคือ ไกน้ำของ หรือสาหร่ายแม่น้ำโขง นำมาล้างให้สะอาด ตัดเป็นท่อนสั้น ๆ แล้วนำมายำกับน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว พริกป่น หอมแดง และต้นหอม ปรุงรสตามชอบ ยำไกน้ำของมีรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด หอมกลิ่นมะนาวและพริกป่น ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยมาก
ไกน้ำของเป็นสาหร่ายน้ำจืดชนิดหนึ่ง พบมากในแม่น้ำโขง มีลักษณะเป็นเส้นยาวสีเขียว คล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยว เมื่อทานสดจะมีรสขมเล็กน้อย นิยมนำมาทำอาหารหลายชนิด เช่น ยำไกน้ำของ ไกน้ำของผัดน้ำมันหอย ไกน้ำของทอด ไกน้ำของต้มยำ เป็นต้น
ตำจิ้นแห้ง – จังหวัดเชียงใหม่
ตำจิ้นแห้ง (อ่านว่า ต๋ำจิ๊นแห้ง) เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือของประเทศไทย มีลักษณะคล้ายกับตำปูปลาร้า แต่เป็นการใช้จิ้นแห้งแทนเนื้อปลาร้า จิ้นแห้งเป็นเนื้อวัวแห้งหรือเนื้อวัวย่าง นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำมาตำกับเครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ เกลือ และมะนาว ตำจิ้นแห้งมีรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด หอมกลิ่นเครื่องเทศ ทานคู่กับข้าวเหนียวหรือข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยมาก
เมี่ยงจอมพล – จังหวัดตาก
เมี่ยงจอมพล เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวจังหวัดตาก มีลักษณะคล้ายกับเมี่ยงคำทั่วไป แต่เป็นการใช้น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวแทนน้ำจิ้มมะนาว น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวของเมี่ยงจอมพลจะมีรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด หอมกลิ่นเต้าเจี้ยว ทานคู่กับเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น มะพร้าวขูด ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง ข้าวตากแห้งทอด มะนาว หอมแดง ขิง กระเทียม พริกขี้หนู ตะไคร้ มะเขือพวง เป็นต้น
เมี่ยงจอมพลมีที่มาจากการที่ จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ได้เคยมาเยือนจังหวัดตาก และชื่นชอบเมี่ยงเต้าเจี้ยวของร้านหนึ่งในตัวเมืองตากมาก จึงเรียกเมี่ยงเต้าเจี้ยวร้านนั้นว่า “เมี่ยงจอมพล” จึงเป็นที่มาของชื่อ “เมี่ยงจอมพล” นั่นเอง
ทอดมันปลากราย – จังหวัดนครสวรรค์
ทอดมันปลากราย จังหวัดนครสวรรค์ เป็นอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครสวรรค์ มีลักษณะเป็นก้อนทอดมันขนาดพอดีคำ ที่ทำจากเนื้อปลากรายบดละเอียด ผสมกับแป้งมัน ไข่ไก่ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ หัวหอม และพริกไทย นำมาปั้นเป็นก้อนแล้วนำไปทอดจนสุกเหลือง ทอดมันปลากรายมีรสชาติอร่อย หอมกลิ่นปลากราย ทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยหรือน้ำจิ้มซีฟู้ด อร่อยมาก
แกงแคไก่พื้นเมือง – จังหวัดน่าน
แกงแคไก่พื้นเมือง เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือของประเทศไทย มีลักษณะเป็นแกงที่ประกอบด้วยเนื้อไก่และผักต่าง ๆ มากมาย เช่น ผักตำลึง ผักชะอม ใบชะพลู ผักชีฝรั่ง มะเขือพวง เห็ดลมอ่อน ผักเผ็ด และดอกแค เป็นต้น แกงแคไก่พื้นเมืองมีรสชาติเผ็ดร้อน กลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องแกง และผักต่าง ๆ ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยมาก
หลนปลาส้มพะเยา – จังหวัดพะเยา
หลนปลาส้มพะเยา เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดพะเยา มีลักษณะเป็นอาหารประเภทน้ำพริก ที่ทำจากปลาส้ม กะทิ หัวหอม กระเทียม พริกขี้หนู น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา เกลือ และเครื่องเทศต่าง ๆ นำมาเคี่ยวจนข้น หลนปลาส้มพะเยามีรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นปลาส้มและเครื่องเทศ ทานคู่กับผักสดต่าง ๆ เช่น ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง แตงกวา ผักบุ้ง เป็นต้น อร่อยมาก
ยำส้มโอกระทงทองสูตรเมืองชาละวัน – จังหวัดพิจิตร
ยำส้มโอกระทงทองสูตรเมืองชาละวัน เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดพิจิตร มีลักษณะเป็นยำที่ประกอบด้วยเนื้อส้มโอท่าข่อย น้ำพริกเผา มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง หอมกระเทียมเจียว ใบมะกรูดทอด และใบผักชี นำมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน ยำส้มโอกระทงทองสูตรเมืองชาละวันมีรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด หอมกลิ่นมะนาวและพริกป่น ทานคู่กับกระทงทองที่ทอดจนเหลืองกรอบ อร่อยมาก
น้ำพริกเม็ดบัวปลาย่าง – จังหวัดพิษณุโลก
น้ำพริกเม็ดบัวปลาย่าง จังหวัดพิษณุโลก เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดพิษณุโลก มีลักษณะเป็นน้ำพริกที่ทำจากเม็ดบัวหลวงปลาย่าง นำมาตำกับพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม และเครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และมะนาว น้ำพริกเม็ดบัวปลาย่างมีรสชาติเผ็ด หอมกลิ่นเม็ดบัวหลวง และเครื่องเทศ ทานคู่กับผักสดต่าง ๆ เช่น ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง แตงกวา ผักบุ้ง เป็นต้น อร่อยมาก
ความแตกต่างระหว่างน้ำพริกเม็ดบัวปลาย่างทั่วไปกับน้ำพริกเม็ดบัวปลาย่าง จังหวัดพิษณุโลก อยู่ที่ส่วนผสมและกรรมวิธีการทำ น้ำพริกเม็ดบัวปลาย่าง จังหวัดพิษณุโลก จะใช้เม็ดบัวหลวงพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดพิษณุโลก ที่เรียกว่า “เม็ดบัวหลวงบ้านคลอง” ซึ่งเป็นเม็ดบัวที่มีรสชาติหวานอมขม นำมาปลาย่างด้วยไฟอ่อน ๆ จนสุกเหลือง หอมกรุ่น น้ำพริกเม็ดบัวปลาย่าง จังหวัดพิษณุโลก จะใช้พริกแห้งป่นละเอียดแทนพริกแห้งทั้งเม็ด และใช้น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และมะนาวตามสูตรดั้งเดิมของชาวจังหวัดพิษณุโลก
น้ำพริกเม็ดบัวปลาย่าง จังหวัดพิษณุโลก มีรสชาติที่เข้มข้นกว่าน้ำพริกเม็ดบัวปลาย่างทั่วไป เนื่องจากใช้เม็ดบัวหลวงพันธุ์พื้นเมืองที่มีรสชาติหวานอมขม และน้ำพริกเม็ดบัวปลาย่าง จังหวัดพิษณุโลก จะใช้น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และมะนาวมากกว่าน้ำพริกเม็ดบัวปลาย่างทั่วไป จึงทำให้น้ำพริกเม็ดบัวปลาย่าง จังหวัดพิษณุโลก มีรสชาติที่เข้มข้น กลมกล่อม หอมกลิ่นเม็ดบัวหลวง และเครื่องเทศ
ปิ้งไก่ข้าวเบือ – จังหวัดเพชรบูรณ์
ปิ้งไก่ข้าวเบือ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีลักษณะเป็นไก่ย่างที่ทาด้วยเครื่องปรุงรสที่ทำจากข้าวเบือ ข้าวเบือเป็นแป้งข้าวเหนียวผสมกับเครื่องแกงที่มีส่วนผสมของพริก ตะไคร้หั่นฝอย ขิง ข่า กระเทียม เกลือ โขลกรวมกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน ไก่ย่างข้าวเบือมีรสชาติเผ็ด กลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องแกง และข้าวเบือ ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วหรือน้ำจิ้มไก่ อร่อยมาก
ไก่ย่างข้าวเบือเป็นอาหารพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในจังหวัดเพชรบูรณ์ นิยมทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารเรียกน้ำย่อย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารพื้นเมืองและอาหารที่มีรสชาติอร่อย
น้ำพริกน้ำย้อย – จังหวัดแพร่
น้ำพริกน้ำย้อย เป็นอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของจังหวัดแพร่ มีลักษณะเป็นน้ำพริกที่ทำจากเนื้อหมูเค็มหมักกับน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และพริกแห้ง นำมาตำจนละเอียด น้ำพริกน้ำย้อยมีรสชาติเค็ม หวาน เผ็ด หอมกลิ่นเนื้อหมูและน้ำมะขามเปียก ทานคู่กับผักสดต่าง ๆ เช่น ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง แตงกวา ผักบุ้ง เป็นต้น อร่อยมาก
ข้าวส้ม โถโก้ – จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ข้าวส้ม โถโก้ เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวไทใหญ่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีลักษณะเป็นข้าวเหนียวสีชมพูอมส้ม ที่ทำจากข้าวเหนียวดำหุงกับน้ำมะเขือเทศ ข้าวส้ม โถโก้มีรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นมะเขือเทศ ทานคู่กับแกงฮังเล แกงโฮะ หรือแกงไตปลา อร่อยมาก
ข้าวเหนียวดำเป็นข้าวเหนียวพื้นเมืองของชาวไทใหญ่ มีสีดำเข้ม รสชาติเหนียวนุ่ม นิยมนำมาทำอาหารหลายชนิด เช่น ข้าวเหนียวดำ ข้าวต้มดำ ขนมจีนน้ำยาดำ เป็นต้น
ยำปลาแห้ง – จังหวัดลำปาง
ยำปลาแห้ง เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือของประเทศไทย มีลักษณะเป็นยำที่ทำจากปลาแห้ง นำมาตำกับพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม มะเขือเทศ และเครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาว ยำปลาแห้งมีรสชาติเผ็ด หอมกลิ่นปลาแห้ง และเครื่องเทศ ทานคู่กับผักสดต่าง ๆ เช่น ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง แตงกวา ผักบุ้ง เป็นต้น อร่อยมาก
แกงฮังเลลำไย – จังหวัดลำพูน
แกงฮังเลลำไย เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวเหนือโดยเฉพาะจังหวัดลำพูน มีลักษณะเป็นแกงที่ใส่ลำไยแห้งลงไปด้วย แกงฮังเลลำไยมีรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศและลำไยแห้ง ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ อร่อยมาก
ข้าวเปิ๊บสุโขทัย – จังหวัดสุโขทัย
ข้าวเปิ๊บสุโขทัย เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดสุโขทัย มีลักษณะคล้ายกับก๋วยเตี๋ยว แต่ทำจากแป้งหมัก คล้ายกับขนมจีน โดยนำแป้งหมักมาละเลงบนผ้าขาวบางที่ขึงไว้บนปากหม้อดิน คล้ายกับขนมปากหม้อ แล้วนำไปนึ่งให้สุก ใส่วุ้นเส้น ผักบุ้ง กะหล่ำปลี ถั่วงอก หรือผักอื่น ๆ ตามชอบลงไป แล้วปิดฝานึ่งให้ผักพอสุก ได้ที่แล้วก็พับแป้งไปมาเพื่อห่อไส้ข้างในไว้ เสร็จสรรพแล้วตักใส่ชาม
ข้าวเปิ๊บสุโขทัย นิยมรับประทานกับน้ำซุปกระดูกหมู ปรุงรสด้วยพริก เกลือ และน้ำตาลทราย โรยหน้าด้วยผักชี และถั่วลิสงคั่วบด ข้าวเปิ๊บสุโขทัยมีรสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมกลิ่นน้ำซุปกระดูกหมู แป้งเหนียวนุ่ม ผักสดกรอบ
อั่วบักเผ็ด – จังหวัดอุตรดิตถ์
อั่วบักเผ็ด เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นอาหารประเภทยัดไส้พริกเขียว คำว่า “อั่ว” หมายถึง ไส้ หรือ การยัดไส้ ส่วนคำว่า “บักเผ็ด” หมายถึง พริกเขียว
อั่วบักเผ็ด นิยมทำจากพริกหยวกเขียวเม็ดใหญ่ นำมาคว้านไส้ออก แล้วนำข้าวโพด กระชาย หอมแดง ตะไคร้ หมูสับ ปลาร้า ใบแมงลัก และไข่ไก่ มาโขลกรวมกันจนละเอียด นำไปยัดไส้ในพริกหยวก แล้วนำไปทอดจนเหลืองกรอบ รับประทานกับน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกแจ่ว หรือน้ำจิ้มมะขาม
ข้าวแดะงา – จังหวัดกาพสินธ์
ข้าวแดะงา เป็นขนมพื้นเมืองของชาวภูไท อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ มีลักษณะคล้ายกับขนมทองโย๊ะ แต่เป็นขนมที่ทำจากข้าวเหนียวที่นำไปตำกับงาดำจนละเอียดรวมเป็นเนื้อเดียว ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อยก็กินได้ทันที บ้างก็นำไปปิ้งกับไฟ บ้างก็นำไปทอด เพื่อให้เก็บรักษาได้นานแถมยังอร่อยขึ้นด้วย
ปลาแดกบองสมุนไพร – จังหวัดขอนแก่น
ปลาแดกบองสมุนไพร เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคอีสาน มีลักษณะเป็นปลาแดก (ปลาร้า) ที่ผ่านการหมักและบ่มจนได้ที่ ผสมกับเครื่องสมุนไพรนานาชนิด เช่น ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม พริกแห้ง มะขามเปียก น้ำตาลทราย เกลือ เป็นต้น ทำให้มีรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นสมุนไพร
ปลาแดกบองสมุนไพรนิยมรับประทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ ผักสดต่าง ๆ เช่น ผักบุ้ง ผักกาดหอม แตงกวา มะเขือเทศ หรือนำมารับประทานกับอาหารอีสานอื่น ๆ เช่น ลาบ น้ำตก ส้มตำ เป็นต้น
คั่วเนื้อคั่วปลา – จังหวัดชัยภูมิ
คั่วเนื้อคั่วปลา เป็นอาหารพื้นเมืองของอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ มีลักษณะคล้ายกับแกงจืด แต่มีความเข้มข้นกว่า โดยใช้เนื้อวัวหรือเนื้อหมูบด ผสมกับปลาน้ำจืด เช่น ปลาช่อน ปลาดุก ปลาตะเพียน หรือปลาสวาย ปรุงรสด้วยเครื่องเทศสมุนไพรพื้นบ้าน เช่น ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม พริกแห้ง เกลือ น้ำตาล น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก นิยมรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
คั่วเนื้อคั่วปลา เดิมเป็นอาหารที่ทำกินกันในเทศกาลบุญเดือนสี่ของชาวไทคอนสาร โดยจะนำเนื้อวัวหรือเนื้อหมูบดมาโขลกรวมกับเครื่องเทศสมุนไพร แล้วนำมาคั่วกับน้ำมันมะพร้าวจนสุกหอม จากนั้นจึงใส่ปลาลงไปคั่วต่อจนสุก ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสตามชอบ รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ในช่วงเทศกาลบุญเดือนสี่
เมี้ยงตาสวด – จังหวัดนครพนม
เมี้ยงตาสวด เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดนครพนม มีลักษณะคล้ายกับเมี่ยงคำ แต่เป็นเมี่ยงที่ใส่ผักสดมากกว่าเมี่ยงคำทั่วไป โดยนำผักสดนานาชนิด เช่น ผักกาดหอม แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ ใบชะพลู ฯลฯ มาห่อด้วยใบชะพลู กินกับน้ำจิ้มรสจัดจ้าน ประกอบด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ถั่วลิสงคั่วบด พริกป่น น้ำมะนาว และกระเทียมสับ
วิธีรับประทาน เมี้ยงตาสวด สามารถทำได้โดยนำผักสดมาห่อด้วยใบชะพลู แล้วจิ้มกับน้ำจิ้มรสจัดจ้าน รสชาติของเมี้ยงตาสวดจะออกหวานอมเปรี้ยว เผ็ดนิด ๆ หอมกลิ่นใบชะพลู และรสสัมผัสของผักสดกรอบ ๆ เข้ากันได้ดีกับน้ำจิ้มรสจัดจ้าน
เมี่ยงคำ – (โคราช) จังหวัดนครราชสีมา
เมี่ยงคำ (โคราช) เป็นอาหารว่างพื้นเมืองของจังหวัดนครราชสีมา มีลักษณะคล้ายกับเมี่ยงคำทั่วไป แต่มีส่วนผสมและรสชาติที่แตกต่างจากเมี่ยงคำทั่วไป เมี่ยงคำ – (โคราช) แตกต่างจากเมี่ยงคำทั่วไป ดังนี้
- ส่วนผสมของเมี่ยงคำ – (โคราช) มีเนื้อหมูสับ กุ้งแห้ง และแครอทขูด เพิ่มเข้ามา ส่วนเมี่ยงคำทั่วไปมักมีส่วนผสมเพียง ใบชะพลู เนื้อมะพร้าวคั่ว ถั่วลิสงคั่ว น้ำตาลปี๊บ และมะนาว
- รสชาติของเมี่ยงคำ – (โคราช) มีรสเผ็ดนำจากน้ำปลาร้า ส่วนเมี่ยงคำทั่วไปมักมีรสหวานนำจากน้ำตาลปี๊บ
หมกหม้อปลาน้ำโขง – จังหวัดบึงกาฬ
หมกหม้อปลาน้ำโขง เป็นอาหารพื้นเมืองอีสาน มีลักษณะคล้ายกับหมกทั่วไป แต่ใช้ปลาน้ำโขงเป็นวัตถุดิบหลัก นิยมใช้ปลากะยอนหรือปลานิล นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่เครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่น น้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำตาล เกลือ พริก หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักชีลาว ใบแมงลัก แล้วนำไปนึ่งในหม้อดิน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หมกหม้อปลาน้ำโขงมีรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องสมุนไพร ปลาเนื้อนุ่ม รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยเข้ากัน
ขนมตดหมา – จังหวัดบุรีรัมย์
ขนมตดหมา เป็นขนมพื้นเมืองของจังหวัดบุรีรัมย์ มีลักษณะคล้ายขนมจาก มีลักษณะเป็นก้อนยาว ๆ สีเหลืองเข้ม แป้งเหนียวนุ่ม มีกลิ่นหอมของน้ำเครือตดหมา ขนมตดหมาทำจากส่วนผสมของแป้งข้าวเหนียว น้ำตาลโตนด น้ำตาลทรายแดง มะพร้าวทึนทึก และน้ำเครือตดหมา น้ำเครือตดหมาได้จากการนำรากเครือตดหมามาตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาต้มจนได้น้ำ น้ำเครือตดหมามีกลิ่นเหม็นคล้ายตด ชาวบุรีรัมย์จึงเรียกขนมนี้ว่าขนมตดหมา
ขนมตดหมามักรับประทานเป็นของว่างหรือของหวานในวันสำคัญต่าง ๆ เช่น งานบุญ งานบวช งานแต่งงาน เป็นต้น ขนมตดหมาเป็นขนมที่มีความหอมอร่อย กลมกล่อม มีกลิ่นหอมของน้ำเครือตดหมา แป้งเหนียวนุ่ม และมะพร้าวอ่อน ทำให้มีรสชาติหวานมัน อร่อยไม่เหมือนใคร
แจ่วฮ้อนท่าขอนยาง – จังหวัดมหาสารคาม
แจ่วฮ้อนท่าขอนยาง เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดมหาสารคาม มีลักษณะคล้ายกับแจ่วฮ้อนทั่วไป แต่มีจุดเด่นอยู่ที่น้ำซุปเข้มข้น ปรุงรสด้วยน้ำพริกหนุ่ม น้ำปลาร้า น้ำตาล น้ำมะนาว และสมุนไพรต่าง ๆ ทำให้มีรสชาติเผ็ดร้อน หอมกลิ่นสมุนไพร
แจ่วฮ้อนท่าขอนยาง นิยมรับประทานกับเนื้อหมูสับ หมูยอ ไก่ย่าง ไข่ต้ม ผักสดต่าง ๆ และหอยแครงสด โดยจะรับประทานด้วยช้อน คล้ายกับรับประทานก๋วยเตี๋ยว จึงเป็นที่มาของชื่อ แจ่วช้อน
แจ่วฮ้อนท่าขอนยาง ถือกำเนิดขึ้นที่หมู่บ้านท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม โดยคุณยายพรทิพย์ ศรีวิไล ชาวบ้านท่าขอนยาง เป็นผู้คิดค้นสูตรขึ้น โดยคุณยายพรทิพย์เล่าว่า ในสมัยก่อนชาวบ้านท่าขอนยางมักทำอาหารรับประทานกันเองในครอบครัว โดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น น้ำพริกหนุ่ม น้ำปลาร้า สมุนไพรต่าง ๆ เป็นต้น คุณยายพรทิพย์จึงนำวัตถุดิบเหล่านี้มาประยุกต์ทำเป็นแจ่วฮ้อน โดยเพิ่มเนื้อสัตว์และผักสดเข้าไป กลายเป็นอาหารยอดฮิตประจำท้องถิ่น จ.มหาสารคาม นั่นเอง
ตำเมี่ยงตะไคร้ ลำข่าสดใส่มดแดง – จังหวัดมุกดาหาร
ตำเมี่ยงตะไคร้ ลำข่าสดใส่มดแดง เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีลักษณะเป็นอาหารประเภทยำ โดยใช้ตะไคร้ ลำข่าสด และมดแดงเป็นวัตถุดิบหลัก นำมาตำรวมกับพริก กระเทียม มะนาว น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ปรุงรสให้ออกรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หอมกลิ่นตะไคร้ และมดแดง
ตำเมี่ยงตะไคร้ ลำข่าสดใส่มดแดง นิยมรับประทานกับข้าวเหนียวหรือผักสดต่าง ๆ เช่น ผักกาดหอม ผักชี แตงกวา เป็นต้น รสชาติของตำเมี่ยงจะออกรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หอมกลิ่นตะไคร้ และมดแดง รับประทานแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
สำหรับมดแดงที่ใช้ในตำเมี่ยง นิยมใช้มดแดงที่อาศัยอยู่ตามป่าไม้ธรรมชาติ มดแดงเหล่านี้จะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน กลิ่นหอมเฉพาะตัว แตกต่างจากมดแดงที่เลี้ยงไว้ในบ้านเรือน ตำเมี่ยงตะไคร้ ลำข่าสดใส่มดแดง จึงเป็นอาหารพื้นเมืองที่มีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
อั่วกบ (กบยัดไส้) – จังหวัดยโสธร
อั่วกบ เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคอีสาน มีลักษณะคล้ายกับสะเต๊ะ แต่ทำจากเนื้อกบแทนเนื้อหมู โดยนำเนื้อกบมาหมักกับเครื่องเทศต่าง ๆ เช่น พริกไทย กระเทียม เกลือ น้ำตาล ตะไคร้ ใบมะกรูด แล้วนำไปย่างบนเตาถ่านจนสุกเหลือง รับประทานกับน้ำจิ้มสะเต๊ะ ผักสด และข้าวเหนียว
อั่วกบเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อย หอมกลิ่นเครื่องเทศ เนื้อกบนุ่มเด้ง รับประทานกับน้ำจิ้มสะเต๊ะรสเด็ด เข้ากันได้เป็นอย่างดี อั่วกบเป็นอาหารที่นิยมรับประทานในช่วงเทศกาลต่าง ๆ เช่น เทศกาลสงกรานต์ เทศกาลออกพรรษา เป็นต้น
ข้าวปุ้นน้ำยาปลาหลด – จังหวัดร้อยเอ็ด
ข้าวปุ้นน้ำยาปลาหลด เป็นอาหารอีสานชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายกับข้าวปุ้นน้ำยาป่าทั่วไป แต่ใช้ปลาหลดเป็นวัตถุดิบหลักแทนปลาอื่น ๆ ปลาหลดเป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก พบมากในภาคอีสาน นิยมนำมาปรุงอาหารต่าง ๆ เช่น แกง ต้ม ผัด เป็นต้น
ข้าวปุ้นน้ำยาปลาหลด เป็นอาหารอีสานรสเด็ด รสชาติจัดจ้าน หอมกลิ่นเครื่องแกง ปลาหลดเนื้อนุ่ม เข้ากันได้ดีกับน้ำยาปลาหลด นิยมรับประทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง
ส้าปลาน้ำโขง – จังหวัดเลย
ส้าปลาน้ำโขง เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคอีสานและภาคเหนือของประเทศไทย มีลักษณะเป็นน้ำยำรสเปรี้ยว เผ็ด หวาน หอมกลิ่นสมุนไพร นิยมรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ส้าปลาน้ำโขง ประกอบด้วย ปลาน้ำโขงสด เช่น ปลาบึก ปลาเอิน ปลานิล ปลาทับทิม ปลากะพง ฯลฯ นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว น้ำพริกเผา ผักชี ต้นหอม ผักชีฝรั่ง ใบสะระแหน่ และพริกขี้หนูสด ตำให้เข้ากัน ส้าปลาน้ำโขง มีรสชาติเปรี้ยว เผ็ด หวาน หอมกลิ่นสมุนไพร น้ำยำเข้าเนื้อปลา ปลาสดไม่คาว ผักสดกรอบ รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยเข้ากัน
ละแวกะดาม (แกงคั่วปู)- จังหวัดศรีสะเกษ
ละแวกะดาม มีลักษณะเป็นแกงคั่วปูนา คำว่า “ละแว” ในภาษาเขมร แปลว่า “อ่อม” ส่วนคำว่า “ดาม” แปลว่า “ปู” ดังนั้น ละแวกะดาม จึงหมายถึง “แกงอ่อมปู”
วิธีทำละแวกะดาม เริ่มจากนำปูนามาแกะกระดองออก ล้างทำความสะอาด แล้วตำให้แหลก ใส่กะทิลงไปคั่วจนหอม ใส่พริกแกงลงไปผัดให้แตก ใส่น้ำลงไปต้มจนเดือด ใส่ปูนาลงไปเคี่ยวจนสุก ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลทราย และมะนาว ใส่ใบมะกรูดซอยลงไป ปิดไฟ ตักใส่ชาม โรยหน้าด้วยผักชี และถั่วลิสงคั่วบด รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
แกงหวาย – จังหวัดสกลนคร
แกงหวาย เป็นอาหารพื้นบ้านอีสานชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายกับแกงไก่ทั่วไป แต่ใช้หวายอ่อนเป็นวัตถุดิบหลักแทนเนื้อไก่ หวายอ่อนเป็นหน่อของต้นหวายที่ยังไม่แก่ มีลักษณะอ่อนนุ่ม กรอบ รสชาดหวาน มัน และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เมื่อนำมาแกงจะมีรสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องแกง ผัก และใบย่านาง
แกงหวาย นิยมรับประทานกับข้าวเหนียวหรือข้าวสวยร้อน ๆ ผักสด และผักต้ม แกงหวายเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง
เบาะโดง (น้ำพริกมะพร้าวโบราณ) – จังหวัดสุรินทร์
เบาะโดง เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดสุรินทร์ มีลักษณะคล้ายกับแกงจืด แต่ไม่ใส่น้ำซุป แต่เป็นน้ำพริกปลาทู ผสมกับกะทิ และเครื่องแกง นำมาต้มจนเดือด ใส่ผักต่าง ๆ เช่น ผักบุ้ง ถั่วงอก ใบโหระพา โรยหน้าด้วยผักชี และถั่วลิสงคั่วบด เบาะโดง นิยมรับประทานกับขนมจีน หรือข้าวสวย รสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมกลิ่นน้ำพริกปลาทู ผักสดกรอบ
เบาะโดง มีต้นกำเนิดมาจากหมู่บ้านหนองคู ตำบลบ้านด่าน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2519 โดยคุณยายคำ ศรีวิเชียร ชาวบ้านหนองคู เป็นผู้คิดค้นสูตรขึ้น โดยคุณยายคำเล่าว่า ในสมัยก่อนชาวบ้านหนองคู หากจะทำแกงจืดรับประทานแต่ละครั้งช่างแสนยาก เพราะจะต้องเดินทางไกลเข้าเมืองเพื่อไปซื้อวัตถุดิบ คุณยายจึงได้ทำการดัดแปลงน้ำพริกปลาทู ให้กลายเป็นน้ำซุปแทนน้ำเปล่า จนกลายเป็นอาหารยอดฮิตประจำท้องถิ่น จ.สุรินทร์ นั่นเอง
หลามปลาน้ำโขง – จังหวัดหนองคาย
หลามปลาน้ำโขง จังหวัดหนองคาย เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดหนองคาย มีลักษณะคล้ายกับต้มยำปลาน้ำโขง แต่มีรสชาติที่เข้มข้นกว่า เนื่องจากใช้เครื่องเทศและสมุนไพรหลายชนิดในการปรุงอาหาร หลามปลาน้ำโขงจะใส่ปลาแม่น้ำโขงสด ๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาบึก ปลากราย ปลาสร้อย ปลาขาว หรือปลาอื่น ๆ ตามชอบ ต้มกับเครื่องเทศและสมุนไพรต่าง ๆ เช่น พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบมะขามอ่อน ผักชี ผักชีฝรั่ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย และเกลือ
หลามปลาน้ำโขง มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องเทศและสมุนไพร ปลาสดเนื้อหวาน น้ำซุปเข้มข้น นิยมรับประทานกับข้าวเหนียวหรือข้าวสวย หลามปลาน้ำโขงเป็นอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดหนองคาย มีร้านหลามปลาเปิดให้บริการอยู่หลายร้านในจังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะที่อำเภอหาดคำ ต้นตำรับของหลามปลาน้ำโขง
การปรุงหลามปลาน้ำโขงนั้น เริ่มจากนำปลาแม่น้ำโขงสด ๆ มาทำความสะอาด ตัดแต่งเอาหัว หาง เหงือก และไส้ออก จากนั้นนำปลามาหั่นเป็นชิ้นพอคำ ใส่ลงในหม้อต้มกับน้ำสะอาด ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย และเกลือ ใส่เครื่องเทศและสมุนไพรต่าง ๆ เช่น พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบมะขามอ่อน ผักชี ผักชีฝรั่ง ต้มให้น้ำเดือด ใส่ผักต่าง ๆ เช่น ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ ต้มจนผักสุก ชิมรสตามชอบ แล้วยกลงจากเตาได้
เมียงคำลำภู – จังหวัดหนองบัวลำภู
เมียงคำลำภู มีลักษณะคล้ายกับข้าวซอย แต่ใช้เส้นบะหมี่แทนเส้นก๋วยเตี๋ยว น้ำซุปทำจากกระดูกหมู ปรุงรสด้วยพริก เกลือ และน้ำตาลทราย ใส่หมูสับ ไก่ฉีก ถั่วลิสงคั่วบด หอมแดง และผักชี โรยหน้าด้วยหอมแดงเจียว ผักชี และถั่วลิสงคั่วบด เมียงคำลำภู นิยมรับประทานกับผักสดต่าง ๆ เช่น ผักบุ้ง ถั่วงอก กะหล่ำปลี แครอท เป็นต้น เมียงคำลำภูมีรสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมกลิ่นน้ำซุปกระดูกหมู เส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม ผักสดกรอบ
เมียงคำลำภู มีประวัติความเป็นมายาวนาน สันนิษฐานว่า ชาวไทลื้อได้อพยพมาจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน เข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย ได้นำอาหารพื้นเมืองมาเผยแพร่ในประเทศไทยด้วย เมียงคำลำภูจึงกลายเป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดพะเยาในปัจจุบัน
อู๋พุงปลา – จังหวัดอำนาจเจริญ
อู๋พุงปลา เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นการนำพุงปลามาต้มกับเครื่องเทศต่าง ๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เกลือ น้ำตาล น้ำปลา ฯลฯ จนพุงปลาสุกนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศ รับประทานกับข้าวต้มร้อน ๆ รสชาติกลมกล่อม หอมอร่อย อู๋พุงปลาอร่อยต้องไปร้านคำพอดี
อู๋พุงปลา ถือกำเนิดขึ้นที่อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยคุณอู๋ เจ้าของร้านข้าวต้มปลา เป็นผู้คิดค้นเมนูนี้ขึ้น เดิมทีคุณอู๋ขายข้าวต้มปลาตามตลาดนัดต่าง ๆ โดยใช้เศษพุงปลาที่เหลือจากการทำข้าวต้มปลามาต้มขายเป็นอาหารจานเดียว แต่ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้า จนกลายเป็นเมนูยอดนิยมของร้านคุณอู๋ และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
ข้าวต้มมัดบัวแดง – จังหวัดอุดรธานี
ข้าวต้มมัดบัวแดง เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดอุดรธานี เป็นการนำเอาข้าวเหนียว กะทิ ถั่วลิสง กล้วย และใบบัวแดงมาผสมรวมกัน แล้วห่อด้วยใบตอง นำไปนึ่งจนสุก ข้าวต้มมัดบัวแดงมีรสชาติหอมหวาน กลมกล่อม หอมกลิ่นใบบัวแดง รับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวานหรือน้ำจิ้มเผ็ด
ข้าวต้มมัดบัวแดง ถือกำเนิดขึ้นที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ในช่วงฤดูหนาวที่ทะเลบัวแดงบานสะพรั่ง ชาวบ้านจึงนำเอาใบบัวแดงมาประยุกต์ใช้ทำเป็นข้าวต้มมัด กลายเป็นอาหารพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดอุดรธานี
ลาบหมาน้อย – จังหวัดอุบลราชธานี
ลาบหมาน้อย เป็นอาหารพื้นบ้านของจังหวัดอุบลราชธานี เป็นอาหารที่ทำจากใบหมาน้อย หรือเครือหมาน้อย ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย เช่น แก้ร้อนใน แก้โรคตับ รากมีกลิ่นหอม ใช้แก้ไข้ แก้ดีซ่าน เป็นยาขับปัสสาวะ ยาถ่าย แก้ไข้มาลาเรีย ใช้เป็นยาเจริญอาหาร เป็นต้น
ลาบหมาน้อย มีลักษณะคล้ายกับลาบทั่วไป แต่ใช้ใบหมาน้อยแทนเนื้อสัตว์ วิธีการปรุงก็คล้ายกับลาบทั่วไป คือ จะนำใบหมาน้อยมาล้างให้สะอาดแล้วขยำกับน้ำเปล่าจนได้น้ำสีเขียวเข้มออกมา กรองเอาแต่น้ำ จากนั้นนำน้ำหมาน้อยที่ได้มาปรุงรสด้วยพริกป่น ปลาร้า น้ำปลา ต้นหอม ผักชี ตะไคร้ คนให้เข้ากัน เทใส่ภาชนะแล้วทิ้งไว้จนจับตัวเป็นก้อนวุ้น เพียงเท่านี้ก็พร้อมรับประทาน
แกงสัมญวน – จังหวัดกาญจนบุรี
แกงสัมญวน เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นอาหารที่ชาวญวนอพยพมาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดกาญจนบุรีได้นำมาเผยแพร่ มีลักษณะคล้ายกับแกงส้มทั่วไป แต่มีรสชาติที่เข้มข้นกว่า เนื่องจากใส่สับปะรดลงไปด้วย ทำให้แกงมีรสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม
แกงสัมญวน นิยมใช้ปลาช่อนเป็นวัตถุดิบหลัก นำมาแล่เป็นชิ้นหนาพอคำ ต้มในน้ำซุปจนสุก แล้วใส่สับปะรด มะเขือเทศ ใบมะกรูด ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาล เกลือ ให้ได้รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องเทศ
แกงสัมญวน นิยมรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ผักสดต่าง ๆ เช่น ผักชีฝรั่ง ถั่วฝักยาว ถั่วงอก ฯลฯ รสชาติอร่อย เข้มข้น หอมกลิ่นสับปะรด มะเขือเทศ และเครื่องเทศ
ต้มปลาร้าหัวตาล – จังหวัดชัยนาท
ต้มปลาร้าหัวตาล เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวชัยนาท เป็นการนำหัวตาลอ่อนมาต้มกับปลาร้า ใส่เครื่องแกงรสจัด เช่น ตะไคร้ ข่า กระชาย ใบมะกรูด พริก และใส่หัวหอมแดงลงไปด้วย ต้มจนหัวตาลสุก รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นปลาร้า รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยกลมกล่อม
ยำส้มโอ – จังหวัดนครปฐม
ยำส้มโอ เป็นอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดนครปฐม มีลักษณะคล้ายกับยำทั่วไป แต่มีส่วนผสมของส้มโอ ทำให้มีรสชาติเปรี้ยวหวาน หอมกลิ่นส้มโอ นิยมรับประทานเป็นอาหารว่างหรือกับข้าว ยำส้มโอ นิยมใช้ส้มโอพันธุ์ขาวแป้ง เพราะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน น้ำเยอะ เนื้อนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง นำมาปอกเปลือก ผ่าครึ่ง ผ่าเอาเม็ดออก แล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ
ข้าวตอกน้ำกะทิทุเรียนนนท์ – จังหวัดนนทบุรี
ข้าวตอกน้ำกะทิทุเรียนนนท์ เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากจังหวัดนนทบุรี มีลักษณะเป็นข้าวตอกสีขาวนวล โรยด้วยน้ำกะทิทุเรียนรสหวานมัน หอมกลิ่นทุเรียน
ข้าวตอกน้ำกะทิทุเรียนนนท์ ทำจากส่วนผสมหลักคือ ข้าวตอก น้ำกะทิ น้ำตาลปี๊บ และเนื้อทุเรียนสุก เริ่มจากการนำข้าวเปลือกมาแช่น้ำให้นิ่ม นำไปตากแห้ง แล้วคั่วให้พองจนกลายเป็นข้าวตอก จากนั้นนำน้ำกะทิ น้ำตาลปี๊บ และเนื้อทุเรียนสุกมาต้มรวมกันจนน้ำตาลละลาย ชิมรสตามชอบ แล้วนำข้าวตอกมาโรยบนน้ำกะทิทุเรียน
เมี่ยงคำบัวหลวง – จังหวัดปทุมธานี
เมี่ยงคำบัวหลวง เป็นอาหารว่างชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายกับเมี่ยงคำทั่วไป แต่ใช้กลีบบัวหลวงแทนใบชะพลู โดยกลีบบัวหลวงจะนำมาห่อด้วยเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง หอมแดง กระเทียม พริกขี้หนู เกสรบัวหลวง เป็นต้น รับประทานกับน้ำเมี่ยง ซึ่งทำจากน้ำตาล มะนาว เกลือ และเครื่องเทศต่าง ๆ
เมี่ยงคำบัวหลวง มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมกลิ่นกลีบบัวหลวงและเครื่องเคียงต่าง ๆ นิยมรับประทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารทานเล่น มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากกลีบบัวหลวงมีสรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงสายตา แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และขับลม เป็นต้น
แกงคั่วส้มหน่อธูปฤาษีกับปลาช่อนย่าง – จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
แกงคั่วส้มหน่อธูปฤาษีกับปลาช่อนย่าง เป็นอาหารพื้นบ้านของภาคใต้ของประเทศไทย เป็นการนำหน่อธูปฤาษีมาแกงกับน้ำส้มมะขามอ่อน ใส่ปลาช่อนย่างลงไป รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นใบมะกรูดและเครื่องแกง รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
- หน่อธูปฤาษี หรือ เฟื้อ เป็นพืชล้มลุก ลำต้นมีลักษณะคล้ายกับต้นธูป ใบมีสีเขียวอ่อน รสชาติขมเล็กน้อย นิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น แกงจืดหน่อธูปฤาษี แกงเขียวหวานหน่อธูปฤาษี ฯลฯ
- ปลาช่อนย่าง เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง นิยมนำมาย่างไฟเพื่อเพิ่มความหอมอร่อย รับประทานกับแกงคั่วส้มหน่อธูปฤาษี รสชาติเข้ากันเป็นอย่างดี
แกงเหงาหงอด – จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
แกงเหงาหงอด เป็นอาหารไทยโบราณ สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากซุป “บูยาเบส” ของโปรตุเกส โดยนำกะปิ ข่า กระเทียม หอมแดง มาโขลกเข้าด้วยกันเป็นพริกแกง แล้วนำมาละลายกับน้ำต้มจนเดือด ใส่ปลาเนื้ออ่อนลงไป ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำมะกรูด และเกลือ โรยหน้าด้วยใบโหระพา
แกงหัวตาล – จังหวัดเพชรบุรี
แกงหัวตาล เป็นอาหารพื้นบ้านของภาคกลางและภาคใต้ของประเทศไทย เป็นการนำหัวตาลอ่อนมาแกงกับกะทิ ใส่ปลาหรือเนื้อสัตว์ลงไป รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นกะทิและใบมะกรูด รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ หัวตาลอ่อน เป็นส่วนของหัวลูกตาลอ่อน มีลักษณะคล้ายหัวหอมหรือหัวกระเทียม รสชาติขมเล็กน้อย นิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น แกงหัวตาล ยำหัวตาล หัวตาลเชื่อม ฯลฯ ปลาหรือเนื้อสัตว์ที่ใส่ในแกงหัวตาลนั้น นิยมใช้ปลาช่อน ปลาทู ปลาอินทรี หรือเนื้อหมู แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
แกงกะลากรุบ – จังหวัดราชบุรี
แกงกะลากรุบ เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดราชบุรี เป็นการนำเนื้อกะลามะพร้าวมาแกงกับเครื่องแกงต่าง ๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง กระเทียม พริกแห้ง ฯลฯ จนเนื้อกะลามะพร้าวสุกนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องแกง รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ เนื้อกะลามะพร้าว เป็นส่วนของกะลามะพร้าวด้านในสุด มีลักษณะเป็นเส้นใยสีขาว รสชาติจืด แต่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น แกงกะลากรุบ แกงกะลามะพร้าวอ่อน ฯลฯ แกงกะลากรุบ เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวราชบุรีที่มีมาช้านาน นิยมรับประทานในฤดูหนาว เนื่องจากมีเนื้อกะลามะพร้าวที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงร่างกาย
ยำปลาส้มฟัก – จังหวัดลพบุรี
ยำปลาส้มฟัก เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคอีสานของประเทศไทย เป็นการนำปลาส้มฟักมายำกับน้ำปลาร้า ใส่ผักต่าง ๆ เช่น หอมแดง มะนาว ต้นหอม ผักชี ฯลฯ รสชาติแซ่บ เปรี้ยว หวาน เค็ม หอมกลิ่นปลาส้มฟักและน้ำปลาร้า รับประทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ ปลาส้มฟัก เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง นิยมนำมาทำปลาส้ม โดยนำปลามาหมักกับเกลือและเครื่องเทศต่าง ๆ เป็นเวลานานจนมีรสชาติเปรี้ยว นิยมนำมาทำอาหารต่าง ๆ เช่น ยำปลาส้มฟัก ปลาส้มฟักทอด ฯลฯ
แกงรัญจวน – จังหวัดสมุทรสงคราม
แกงรัญจวน เป็นอาหารไทยประเภทแกง ที่มีน้ำพริกกะปิเป็นส่วนผสมหลัก นิยมใช้เนื้อวัวหรือเนื้อหมูเป็นวัตถุดิบหลัก แกงรัญจวนมีรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นน้ำพริกกะปิและสมุนไพร รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ แกงรัญจวน มีต้นกำเนิดมาจากสมัยรัชกาลที่ 5 โดยหม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ เป็นผู้คิดค้นสูตรขึ้น แกงรัญจวนเป็นการนำน้ำพริกกะปิที่เหลือจากการรับประทานมาปรุงใหม่ โดยใส่เนื้อสัตว์ลงไป รสชาติจึงเข้มข้น หอมกลิ่นน้ำพริกกะปิและสมุนไพร
ต้มยำปลาทูโบราณ – จังหวัดสมุทรสาคร
ต้มยำปลาทูโบราณ เป็นอาหารไทยประเภทต้มยำ โดยใช้ปลาทูสดเป็นวัตถุดิบหลัก ต้มกับน้ำซุปร้อน ๆ ใส่เครื่องต้มยำ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง พริกสด ฯลฯ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล เกลือ บีบมะนาวเล็กน้อย รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ต้มยำปลาทูโบราณ มีรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพร รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด กำลังดี นิยมรับประทานเป็นอาหารหลัก หรือเป็นกับข้าวก็ได้
แกงบวน – จังหวัดสิงห์บุรี
แกงบวน เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวสิงห์บุรี เป็นแกงที่ผสมน้ำใบผักหลาย ๆ อย่าง เช่น ตะไคร้ ขึ้นฉ่าย ใบมะตูม ผักชี ใบข่า และใบมะขวิดเพื่อกลบกลิ่นคาวของเครื่องใน คำว่า บวน เป็นภาษาเขมรแปลว่า “สี่” ในตำรับแกงบวนของเขมรจะใช้เครื่องในสี่อย่าง คือ หัวหมู กระเพาะหมู ตับหมู และหัวใจหมู แต่แกงบวนของชาวสิงห์บุรีจะใช้เครื่องในหมูหลากหลายชนิด เช่น ไส้หมู กระเพาะหมู หัวใจหมู ตับหมู ม้ามหมู และเลือดหมู เป็นต้น
ปลาหม่ำสมุนไพรทอดกรอบ – จังหวัดสุพรรณบุรี
ปลาหม่ำสมุนไพรทอดกรอบ เป็นอาหารพื้นบ้านของจังหวัดสุพรรณบุรี มีลักษณะเป็นปลาหม่ำหมักสมุนไพรทอดกรอบ รับประทานกับน้ำจิ้มรสเด็ด รสชาติอร่อย หอมกลิ่นสมุนไพร กรอบนอกนุ่มใน ปลาหม่ำ เป็นอาหารพื้นบ้านของจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นการนำปลามาหมักกับเกลือ น้ำตาล น้ำปลา สมุนไพรต่าง ๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กระเทียม พริกไทย ฯลฯ หมักไว้นานประมาณ 7-10 วัน แล้วนำมาย่างหรือทอด รับประทานกับน้ำจิ้มรสเด็ด ปลาหม่ำสมุนไพรทอดกรอบ นิยมนำมาทอดกรอบ รับประทานกับน้ำจิ้มรสเด็ด รสชาติอร่อย หอมกลิ่นสมุนไพร กรอบนอกนุ่มใน น้ำจิ้มปลาหม่ำมีส่วนผสมของพริก กระเทียม น้ำตาล น้ำปลา มะนาว ปรุงรสตามชอบ
ปลาแนม – จังหวัดอ่างทอง
ปลาแนม เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดอ่างทอง เป็นการนำปลาทูหรือปลาย่างมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงรส เช่น น้ำตาลเคี่ยว มะพร้าวคั่ว กระเทียมดอง ถั่วลิสงคั่ว พริกขี้หนูแดง ข่า และผิวมะนาว รับประทานกับใบชะพูลหรือใบทองหลาง ปลาแนมมีรสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องปรุงรส นิยมรับประทานเป็นของว่างหรือกับแกล้ม ปลาแนมเป็นอาหารพื้นเมืองที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน
ต้มส้มปลาแรด – จังหวัดอุทัยธานี
ต้มส้มปลาแรด เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดอุทัยธานี เป็นการนำปลาแรดมาต้มกับน้ำส้มมะขามอ่อน ใส่เครื่องแกง และสมุนไพรต่าง ๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง กระเทียม ฯลฯ รสชาติเปรี้ยวหวาน หอมกลิ่นเครื่องแกงและสมุนไพร รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ สมุนไพรต่าง ๆ ที่ใส่ในต้มส้มปลาแรด จะช่วยเพิ่มรสชาติและความหอมอร่อยให้กับเมนูนี้ สมุนไพรที่นิยมใส่ ได้แก่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง กระเทียม ฯลฯ
น้ำพริกกะทิชอง – จังหวัดจันทบุรี
น้ำพริกกะทิชอง เป็นอาหารพื้นบ้านของชนชาติชอง ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมของจังหวัดจันทบุรี น้ำพริกกะทิชองทำจากพริกขี้หนูสด กระเทียม หัวหอม กะปิ เกลือ และกะทิ นำมาโขลกรวมกันจนละเอียด รสชาติเผ็ดร้อน หอมกลิ่นกะทิและเครื่องเทศ รับประทานกับผักสดนานาชนิด เช่น มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว แตงกวา ฯลฯ น้ำพริกกะทิชอง เป็นอาหารประจำชาติชอง ที่มักทำรับประทานกันในโอกาสพิเศษ เช่น งานบุญ งานบวช งานแต่งงาน ฯลฯ น้ำพริกกะทิชองเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยผักสดนานาชนิดที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย
หมูหงส์ – จังหวัดฉะเชิงเทรา
หมูหงส์ เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นการนำหมูมาหมักด้วยเครื่องเทศและสมุนไพรต่าง ๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง กระเทียม เกลือ ฯลฯ แล้วนำไปต้มจนสุก รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องเทศและสมุนไพร รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
หมูหงส์ ถือกำเนิดขึ้นที่อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อปี พ.ศ. 2453 โดยคุณยายหงส์ เจ้าของร้านข้าวต้มหมูหงส์ เป็นผู้คิดค้นสูตรขึ้น คุณยายหงส์เล่าว่า ในสมัยก่อนหมูเป็นอาหารที่มีราคาแพง ยากที่จะหามารับประทานได้ คุณยายจึงคิดทำหมูหมักขึ้นมา โดยใช้เครื่องเทศและสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้กับหมู ปรากฏว่าหมูหมักของคุณยายหงส์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก กลายเป็นอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดฉะเชิงเทรา
ปลาคก – จังหวัดชลบุรี
ปลาคก เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดชลบุรี ทำจากปลาตะเพียนทะเลต้มเค็มกับผักกาดดอง ปลาตะเพียนทะเลเป็นปลาทะเลขนาดเล็ก มีลำตัวแบนข้าง คล้ายกับปลาตะเพียนน้ำจืด นิยมนำมาทำอาหาร เช่น ปลาคก ปลาคกฉ่าย ปลาคกต้มยำ ฯลฯ การทำปลาคก เริ่มจากการนำปลาตะเพียนทะเลมาล้างให้สะอาด แล้วนำไปต้มกับน้ำเกลือจนสุก จากนั้นใส่ผักกาดดองลงไปต้มจนผักกาดดองสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น เสร็จแล้วจึงตักใส่ถ้วยรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
ปลาคกมีรสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมกลิ่นปลาตะเพียนทะเลและผักกาดดอง นิยมรับประทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง ปลาคกเป็นอาหารหายากในปัจจุบัน เนื่องจากปลาตะเพียนทะเลเป็นปลาทะเลที่หายากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำประมงมากเกินไป
แกงเลียงกะแท่งหอยนางรม – จังหวัดตราด
แกงเลียงกะแท่งหอยนางรม จังหวัดตราด เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดตราด เป็นการนำกะแท่งหอยนางรมมาแกงกับเครื่องแกงเลียง ใส่ผักต่าง ๆ เช่น ถั่วฝักยาว บวบเหลี่ยม มะเขือเปราะ มะเขือพวง ฯลฯ รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องแกงและกะแท่งหอยนางรม รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
น้ำพริกป่ามะดัน – จังหวัดนครนายก
น้ำพริกป่ามะดัน เป็นน้ำพริกพื้นบ้านของภาคอีสาน เป็นการนำมะดันมาตำกับพริก กระเทียม หอม ข่า ตะไคร้ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย มะอึก และกากหมู รสชาติเปรี้ยวนำ เผ็ดตาม หอมกลิ่นเครื่องเทศ รับประทานกับผักสด เช่น ผักกาดหอม มะเขือเปราะ แตงกวา ข้าวคั่ว ฯลฯ
แกงกะทินางหวาน – จังหวัดปราจีนบุรี
แกงกะทินางหวาน เป็นอาหารพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เป็นแกงที่ใส่บอนเป็นส่วนผสมหลัก บอนเป็นพืชล้มลุก ลำต้นมีลักษณะคล้ายกับต้นตาล ใบมีสีเขียวเข้ม รสชาติขมเล็กน้อย นิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น แกงกะทินางหวาน แกงจืดบอน แกงเขียวหวานบอน ฯลฯ
แกงส้มผักกระขับ – จังหวัดระยอง
แกงส้มผักกระขับ เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดระยอง เป็นแกงส้มที่ใส่ผักกระขับเป็นส่วนผสมหลัก ผักกระขับ เป็นผักพื้นบ้านของจังหวัดระยอง มีลักษณะคล้ายกับต้นทานตะวันอ่อน รสชาติคล้ายกับผักกระเฉด นิยมนำมาแกงกับน้ำส้มมะขามอ่อน ใส่กุ้งหรือปลาลงไป รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นใบมะกรูดและเครื่องแกง รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
ขนมย่างจากใจ – จังหวัดสมุทรปราการ
ขนมย่างจากใจ เป็นขนมพื้นบ้านของจังหวัดสมุทรปราการ มีลักษณะคล้ายกับขนมจาก แต่มีจุดเด่นตรงที่ใส่เนื้อลูกจากชิ้นใหญ่เต็ม ๆ คำ เคี้ยวหนุบหนับ ย่างด้วยความพิถีพิถัน คัดสรรวัตถุดิบธรรมชาติจากใจ ชุมชน สู่มือคุณ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาวของจังหวัดสมุทรปราการ ในปัจจุบันมีจำหน่ายที่ชุมชนบ้านคลองนาเกลือ และตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ขนมย่างจากใจ มีส่วนผสมหลักคือ แป้งจาก น้ำตาล กะทิ และเนื้อลูกจาก ขั้นตอนการทำเริ่มจากการเตรียมแป้งจากโดยนำลูกจากมาปอกเปลือกออก นำไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก บดให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำตาล กะทิ และเนื้อลูกจาก นำแป้งที่ผสมแล้วไปปั้นเป็นก้อน นำไปย่างบนเตาถ่านจนสุกเหลือง หอมกลิ่นใบมะกรูด รับประทานร้อน ๆ กับน้ำผึ้ง หรือน้ำตาลปี๊บ รสชาติอร่อย หวานมัน หอมกลิ่นกะทิและเนื้อลูกจาก
น้ำพริกกะสัง – จังหวัดสระแก้ว
น้ำพริกกะสัง เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดสระแก้ว เป็นน้ำพริกชนิดหนึ่งที่ทำจากผลกะสัง ผลกะสังเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว คล้ายมะนาว นิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น น้ำพริกกะสัง ต้มยำกะสัง แกงกะสัง ฯลฯ น้ำพริกกะสัง มีลักษณะเป็นน้ำพริกข้น ๆ มีรสเปรี้ยว เผ็ด หอมกลิ่นกะสัง รับประทานกับผักสด เช่น ผักกาด ผักบุ้ง แตงกวา ฯลฯ หรือรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็ได้
ลาบหัวปลี – จังหวัดสระบุรี
ลาบหัวปลี เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดสระบุรี เป็นอาหารมังสวิรัติที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีลักษณะคล้ายกับลาบเนื้อหรือลาบหมู แต่ใช้หัวปลีแทนเนื้อสัตว์ เป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องลาบ หัวปลี เป็นพืชล้มลุก ลำต้นมีลักษณะคล้ายกับหัวข่า ใบมีสีเขียวอ่อน รสชาติขมเล็กน้อย นิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น แกงจืดหัวปลี แกงเขียวหวานหัวปลี ฯลฯ ลาบหัวปลี นิยมรับประทานกับผักสด เช่น ผักชี ผักชีฝรั่ง ถั่วฝักยาว แตงกวา ฯลฯ รสชาติเข้ากันเป็นอย่างดี
ปลาจุกเครื่อง – จังหวัดกระบี่
ปลาจุกเครื่อง เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดกระบี่ เป็นการนำปลาทูมายัดไส้เครื่องแกงสูตรพิเศษ นำไปทอดจนเหลืองกรอบ รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ปลาจุกเครื่องมีรสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องแกง ปลาทูที่ใช้ในการทำปลาจุกเครื่องต้องเป็นปลาทูสดใหม่ คัดเฉพาะตัวใหญ่ ๆ เนื้อแน่น ๆ นำมาล้างให้สะอาด แล้วผ่าหลังเลาะก้างออก ยัดไส้ด้วยเครื่องแกงสูตรพิเศษที่ประกอบด้วยพริกแกงเผ็ด ไข่ น้ำตาล ซีอิ๊วขาว ใบมะกรูด และมะพร้าวขูด นำไปทอดจนเหลืองกรอบ
แกงส้มหยวกกล้วยกับหมูสามชั้น – จังหวัดชุมพร
แกงส้มหยวกกล้วยกับหมูสามชั้น เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวจังหวัดชุมพร เป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องแกงและใบมะกรูด รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ หยวกกล้วย เป็นส่วนที่อ่อนของต้นกล้วย มีลักษณะคล้ายไส้ต้นกล้วย นิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น แกงส้มหยวกกล้วย แกงจืดหยวกกล้วย แกงเลียงหยวกกล้วย ฯลฯ
โกยุก – จังหวัดตรัง
โกยุก เป็นอาหารพื้นเมืองของจังหวัดตรัง เป็นอาหารจีนกวางตุ้งที่นิยมปรุงขึ้นโต๊ะในงานเลี้ยงพิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน หรืองานศพ คำว่า “โกยุก” เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง แปลว่า “หมูสามชั้นตุ๋น” โกยุก ทำจากเนื้อหมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ แล้วนำไปต้มในน้ำเดือด จนกระทั่งหมูลอยขึ้น จากนั้นก็นำไม้ที่มีตะปูมาตีที่เนื้อหมูให้แตกออกจากกัน จะได้เนื้อหมูที่มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและละลายในปาก จากนั้นนำไปตุ๋นต่อกับเครื่องเทศต่าง ๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เกลือ น้ำตาล ฯลฯ จนเนื้อหมูนุ่มและรสชาติเข้มข้น
ขนมปะดา – จังหวัดนครศรีธรรมราช
ขนมปะดา หรือ ขนมปาดา เป็นขนมโบราณคู่บ้านคู่เมืองนครศรีธรรมราช ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดนครศรีธรรมราช ขนมปะดาทำจากแป้งข้าวเจ้า กล้วยน้ำว้าสุก และไส้ที่ประกอบด้วยมะพร้าวทึนทึกขูด พริกแกงขนมปาดาเพิ่มเผ็ด พริกไทย และน้ำตาลปี๊บ
อาเกาะ/ขนมอาเก๊าะ – จังหวัดนราธิวาส
อาเกาะ/ขนมอาเก๊าะ เป็นขนมพื้นเมืองของชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา มีลักษณะคล้ายขนมไข่หรือขนมหม้อแกงที่มีเนื้อแน่น กลิ่นหอม มักมีรูปทรงเป็นทรงรีและแบน สันนิษฐานกันว่าชื่ออาเก๊าะอาจเพี้ยนมาจากคำภาษามลายูว่า อาเก๊ะ ที่แปลว่า ยกขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะสะท้อนถึงกรรมวิธีการผลิตที่ต้องยกไฟที่วางอังไว้ข้างบนออกทุกครั้งเมื่อขนมสุก ด้วยการผิงไฟบนล่างด้วยเชื้อไฟจากกาบมะพร้าวให้ความร้อนทั่วถึง เห็นควันลอยโขมง
ขนมอาเก๊าะทำจากส่วนผสมหลักคือ แป้งข้าวเจ้า ไข่เป็ด น้ำตาล ตะไคร้ และกะทิ ผสมรวมกันก่อนนำไปหยอดลงในพิมพ์ทองเหลือง นำไปผิงไฟบนล่างด้วยเชื้อไฟจากกาบมะพร้าวจนสุก ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ขนมอาเก๊าะที่สุกแล้วจะมีกลิ่นหอมของตะไคร้และกะทิ รสชาติหวานมัน นิยมรับประทานเป็นขนมหวานหรือขนมทานเล่น ขนมอาเก๊าะเป็นขนมพื้นบ้านที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน เหลือขายอยู่ไม่กี่ร้านในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หนึ่งในร้านที่มีชื่อเสียงคือร้านขนมอาเก๊าะ รอกีเย๊าะ สะบารัง ซึ่งขายขนมอาเก๊าะมานานกว่า 50 ปี
ข้าวยำ – จังหวัดปัตตานี
ข้าวยำเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดปัตตานี มีลักษณะเป็นข้าวหุงสุก คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงต่าง ๆ ได้แก่ ซามา (กุ้งผัดเครื่องแกง) น้ำบูดู น้ำพริก ผักสด และมะพร้าวขูด นิยมรับประทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง ข้าวยำมีส่วนผสมหลักคือ ข้าวเจ้า ซามา น้ำบูดู น้ำพริก ผักสด และมะพร้าวขูด ข้าวยำเป็นอาหารที่มีรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องแกง ผักสด และมะพร้าวขูด นิยมรับประทานคู่กับน้ำบูดู น้ำพริก และผักสดต่าง ๆ
อาจาดหู – จังหวัดพังงา
อาจาดหู เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดพังงา มีลักษณะคล้ายอาจาดทั่วไป แต่เพิ่มหูฉลามลงไป นิยมรับประทานคู่กับแกงกะทิ อาจาดหูทำจากส่วนผสมหลักคือ หูฉลาม มะเขือเทศ แตงกวา หอมแดง กระเทียม หัวหอมใหญ่ พริกชี้ฟ้า น้ำมะนาว น้ำตาล น้ำปลา เกลือ และพริกไทย อาจาดหูเป็นอาหารที่มีรสชาติเปรี้ยวหวาน เค็มเผ็ด หอมกลิ่นเครื่องเทศ นิยมรับประทานคู่กับแกงกะทิ เช่น แกงเหลือง แกงเขียวหวาน แกงไตปลา เป็นต้น
แกงขมิ้น – จังหวัดพัทลุง
แกงขมิ้น จังหวัดพัทลุง เป็นอาหารพื้นบ้านของภาคใต้ของประเทศไทย เป็นการนำขมิ้นชันมาแกงกับน้ำกะทิ ใส่เนื้อสัตว์ตามชอบ เช่น กุ้ง ปลา ไก่ หมู ฯลฯ รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นขมิ้น รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ขมิ้นชัน เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมาย เช่น แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด อาหารไม่ย่อย ลดกรดในกระเพาะอาหาร ป้องกันมะเร็งลำไส้ ฯลฯ แกงขมิ้น มีรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นขมิ้นชันและเครื่องแกง รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
น้ำซุปเมืองหลาง 9 อย่าง – จังหวัดภูเก็ต
น้ำซุปเมืองหลาง 9 อย่าง จังหวัดภูเก็ต เป็นน้ำซุปที่ทำจากเครื่องเทศ 9 ชนิด ได้แก่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง กระเทียม พริกไทย เกลือ น้ำปลา และน้ำเปล่า นำมาต้มจนเดือด ใส่กระดูกหมูหรือกระดูกไก่ลงไปต้มจนเปื่อย น้ำซุปจะหอมกลิ่นเครื่องเทศ รสชาติกลมกล่อม ใช้รับประทานกับอาหารประเภทต้มหรือแกง
เมืองหลาง เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอกะปง จังหวัดภูเก็ต น้ำซุปเมืองหลางเป็นอาหารพื้นบ้านของเมืองหลาง นิยมรับประทานกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ น้ำซุปเมืองหลางเป็นน้ำซุปที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากมีเครื่องเทศที่ช่วยย่อยอาหารและบำรุงร่างกาย ปัจจุบัน น้ำซุปเมืองหลาง 9 อย่าง เป็นอาหารพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กลายเป็นอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดภูเก็ต
ข้าวยำโจร (ข้าวยำคลุกสมุนไพร) – จังหวัดยะลา
ข้าวยำโจร (ข้าวยำคลุกสมุนไพร) จังหวัดยะลา เป็นอาหารพื้นบ้านของภาคใต้ของประเทศไทย เป็นการนำข้าวสวยมาคลุกเคล้ากับสมุนไพรชนิดต่าง ๆ เช่น ใบมะกรูด หอมแดง กระเทียม พริกขี้หนู ตะไคร้ ขมิ้นชัน ขมิ้นขาว ข่า ใบชะพลู ใบกะเพรา ฯลฯ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว และพริกป่น รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพร รับประทานกับผักสดต่าง ๆ เช่น ผักกาดหอม แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ ฯลฯ
ข้าวยำโจร เดิมทีเป็นอาหารของชาวไทยมุสลิมที่อาศัยอยู่ในจังหวัดยะลา นิยมรับประทานกันในช่วงเดือนรอมฎอนหรือเดือนถือศีลอด เนื่องจากเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยในการย่อยอาหารและบำรุงร่างกาย ข้าวยำโจร ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารอินเดีย เนื่องจากมีส่วนผสมของขมิ้นชันและขมิ้นขาว ซึ่งเป็นเครื่องเทศที่พบมากในอาหารอินเดีย ข้าวยำโจรจึงมีรสชาติที่คล้ายคลึงกับอาหารอินเดีย
ก๊กซิมบี้ – จังหวัดระนอง
ก๊กซิมบี้ เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดระนอง เป็นอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อไก่ฉีก เห็ดหูหนู และสาหร่ายเส้นแก้ว นำมาผัดกับน้ำส้มสายชู น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และเครื่องปรุงอื่น ๆ รสชาติเปรี้ยวหวาน เค็ม หอมกลิ่นเครื่องปรุง รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
ก๊กซิมบี้ เป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองจีน เดิมทีเป็นอาหารว่างที่นิยมรับประทานกันในงานมงคลต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ งานฉลองวันเกิด เป็นต้น ชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดระนองได้นำสูตรอาหารนี้มาเผยแพร่ จนกลายเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดระนอง
ข้าวสตู – จังหวัดสงขลา
ข้าวสตู เป็นอาหารพื้นบ้านของภาคใต้ของประเทศไทย เป็นการนำเนื้อสัตว์มาตุ๋นในน้ำซุป ใส่เครื่องเทศและสมุนไพรต่าง ๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง กระเทียม พริกไทย เกลือ ฯลฯ ใส่ข้าวสวยลงไปตุ๋นจนสุก รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องเทศ รับประทานกับน้ำจิ้มพริกเผาหรือน้ำจิ้มมะขาม
ข้าวสตู เป็นอาหารที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากชาวจีนไหหลำที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสงขลา เดิมทีข้าวสตูเป็นอาหารของชาวยุโรปที่นิยมรับประทานกันในเรือเดินทะเล เนื่องจากเป็นอาหารที่สามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน ข้าวสตูจึงเป็นอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์และเครื่องเทศต่าง ๆ ที่ช่วยคงรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้นาน
ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ – จังหวัดสตูล
ข้าวเหนียวเหลืองแกงแพะ จังหวัดสตูล เป็นอาหารพื้นบ้านของภาคใต้ของประเทศไทย เป็นการนำข้าวเหนียวเหลืองมารับประทานคู่กับแกงแพะ แกงแพะเป็นแกงที่มีลักษณะคล้ายแกงเขียวหวาน แต่มีส่วนผสมของเนื้อแพะ รสชาติเข้มข้น หอมเครื่องแกง รับประทานกับข้าวเหนียวเหลืองร้อน ๆ เป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ข้าวเหนียวเหลือง เป็นข้าวเหนียวที่มีสีเหลืองนวล เป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ของประเทศไทย นิยมรับประทานคู่กับอาหารต่าง ๆ เช่น แกงแพะ แกงเหลือง แกงไตปลา ฯลฯ แกงแพะ เป็นอาหารพื้นบ้านของภาคใต้ของประเทศไทย นิยมรับประทานกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แกงแพะมีรสชาติเข้มข้น หอมเครื่องแกง รับประทานกับข้าวเหนียวเหลืองร้อน ๆ เป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
แกงขมิ้นไตปลาโบราณ – จังหวัดสุราษฎร์ธานี
แกงขมิ้นไตปลาโบราณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอาหารพื้นบ้านของภาคใต้ของประเทศไทย เป็นการนำขมิ้นชันมาแกงกับไตปลา ใส่เนื้อสัตว์ตามชอบ เช่น กุ้ง ปลา ไก่ หมู ฯลฯ รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นขมิ้นและไตปลา รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
ขมิ้นชัน เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมาย เช่น แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด อาหารไม่ย่อย ลดกรดในกระเพาะอาหาร ป้องกันมะเร็งลำไส้ ฯลฯ ไตปลา เป็นอาหารทะเลชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายไส้ปลา นิยมใช้ประกอบอาหารในภาคใต้ เช่น แกงขมิ้นไตปลา แกงส้มไตปลา ยำไตปลา ฯลฯ
แกงขมิ้นไตปลาโบราณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นขมิ้นและไตปลา รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
สรุป
กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้เลือกกิจกรรม “1 จังหวัด 1 เมนู เชิญซูอาหารถิ่น” เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของอาหารไทยและอาหารท้องถิ่น รวมถึงการรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศ และเสนอสาระความรู้เกี่ยวกับอาหารไทย และอาหารท้องถิ่น ต่อยอดสมุนไพรไทย สรรพคุณทางเลือกและส่งต่อเป็นภูมิปัญญาที่มีการสืบทอดรุ่นสู่รุ่น โดยมีรายการอาหารที่ได้รับการคัดเลือกเป็น “1 จังหวัด 1 เมนู เชิญซูอาหารถิ่น” จำนวน 77 เมนู ในปี พ.ศ. 2566
ในการส่งเสริมวัฒนธรรมและการศึกษาประวัติศาสตร์ของอาหารไทยและอาหารท้องถิ่น กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้เลือกกิจกรรม “1 จังหวัด 1 เมนู เชิญซูอาหารถิ่น” เพื่อเสนอสาระความรู้เกี่ยวกับอาหารไทยและอาหารท้องถิ่น รวมถึงการรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพของเครือข่ายวัฒนธรรมในการบริหารจัดการงานวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่น นอกจากนี้ กิจกรรม “1 จังหวัด 1 เมนู เชิญซูอาหารถิ่น” ยังเป็นการส่งเสริมสมุนไพรไทย สรรพคุณทางเลือกและส่งต่อเป็นภูมิปัญญาที่มีการสืบทอดรุ่นสู่รุ่น โดยมีรายการอาหารที่ได้รับการคัดเลือกเป็น “1 จังหวัด 1 เมนู เชิญซูอาหารถิ่น” จำนวน 77 เมนู ในปีพ.ศ. 2566